มหัศจรรย์คอเคซัสทัวร์ 11 วัน จอร์เจีย - อาร์เมเนีย
ทัวร์
ยุโรป
ระยะเวลา
11 วัน
สายการบิน
วันเดินทาง
12-22 พฤษภาคม 2565
Hilight

ทบิลิซี - มซเฮตา - คาซเบกิ - โกรี - คูไตซี - บาตูมี- เซวาน - เยเรวาน - ซวาสนอทซ์
ภูมิภาคคอเคซัส...เพียงแค่ชื่อของมันก็ฟังดูน่าสนใจน่าทำความรู้จักอย่างยิ่งยวด เพื่อจุดประกายต่อยอด ความรู้ที่มีมาในครั้งวัยเรียนให้เห็นเด่นชัด ร่วมเปิดตำนานและเรื่องราวของภูมิภาคคอเคซัสให้รู้และเข้าใจเชิงลึกจาก อดีตสู่ปัจจุบันไปด้วยกันในดินแดนแห่งภูมิภาคคอเคซัส รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า ทรานส์คอเคเซีย (Transcaucasia)ในยุคสมัยสหภาพโซเวียตยึดครอง ดินแดนแถบนี้ถือเป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่แห่งหนึ่งของโลกและเป็นพื้นที่ ยุทธศาสตร์สำคัญด้วยทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของภูมิภาคนี้เป็นเสมือนสะพานเชื่อมอารยธรรมของซีกโลกตะวันตก และซีกโลกตะวันออกมาตั้งแต่ในอดีต เป็นเส้นทางผ่านและจุดแวะพักสำคัญบนเส้นทางการค้าสายไหม (Silk Road)   จวบจนปัจจุบัน ความสำคัญของดินแดนแถบนี้ก็ไม่ลดน้อยลง ถูกเรียกขานว่าเป็น “ประเทศสองทวีป” 

แผนการท่องเที่ยว
  • Day 1
    กรุงเทพฯ – โดฮา – ทบิลิซี (จอร์เจีย)
    • 06.00 น. พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ณ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 8 เคาน์เตอร์ Q โดยสายการบิน QATAR AIRWAYS โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินด้านสัมภาระและเอกสารให้กับท่าน
      09.20 น.   เหินฟ้าสู่ เมืองโดฮา ประเทศกาต้าร์ โดยสายการบิน QATAR AIRWAYS เที่ยวบินที่ QR827 
      (ใช้เวลาบิน 6 ชั่วโมง 50 นาที) (บริการอาหารบนเครื่องบิน)
      12.10 น.  เดินทางถึงสนามบินโดฮา รอเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทาง เมืองทบิลิซี  
      20.30 น. เหินฟ้าสู่ เมืองทบิลิซี ประเทศจอร์เจีย โดยสายการบิน QATAR AIRWAYS เที่ยวบินที่ QR255 
      (ใช้เวลาบิน 3 ชั่วโมง 10 นาที) (บริการอาหารบนเครื่องบิน)
      24.40 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติโชตารุสตาเวลี ทบิลิซี หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยและรับกระเป๋าสัมภาระแล้ว นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัย
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Radisson Blu hotel 5*, Tbilisi หรือเทียบเท่า
  • Day 2
    ทบิลิซี
    • เช้า    รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
      เริ่มท่องเที่ยวนำชม เมืองทบิลิซี (Tbilisi) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคูรา (Kura) หรือเรียกว่า แม่น้ำมตควารี (Mtkvari) ในภาษาจอร์เจียน เมืองทบิลิซีเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 1,700 ปี เริ่มสร้างเมืองขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4 โดยวาคตัง กอร์กาซาลี ( King Vakhtang Gorgasali of Katli ) กษัตริย์จอร์เจียแห่งไอบีเรีย  
      นำท่านขึ้นกระเช้าไฟฟ้าสู่ด้านบน ป้อมปราการหินนาริกาลา (Narikala Fortress) ป้อมปราการที่ได้รับการยกย่องว่าแข็งแกร่งและตีได้ยากที่สุดบนเส้นทางสายไหม และถือว่าเป็นจุดชมวิวไฮไลท์ของทบิลิซี ใกล้ๆ กันก็จะเห็นอนุสาวรีย์แม่แห่งจอร์เจีย (Mother of Georgia) โดยเป็นรูปหล่อจากอลูมิเนียมสูง 20 เมตร มือข้างหนึ่งถือดาบ ข้างหนึ่งถือแก้วไวน์ เป็นสัญลักษณ์แสดงลักษณะนิสัยของชาวจอร์เจียที่มีมิตรไมตรีต่อแขกที่มาเยือนแต่ก็พร้อมที่จะสู้กับศัตรูที่เข้ามารุกรานต่อจากนั้นนำท่านชมสถานที่สำคัญต่างๆของเมืองทบิลิซี อันได้แก่ โบสถ์เมเตคี (Metekhi Church) เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 ตั้งอยู่บริเวณริมหน้าผาที่เบื้องล่างเป็นแม่น้ำมตควารี สายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวจอร์เจีย อดีตถูกใช้เป็นป้อมปราการและที่พำนักของกษัตริย์ ในบริเวณเดียวกันท่านจะได้พบกับอนุสาวรีย์ทรงม้าของกษัตริย์วาคตัง กอร์กาซาลี ผู้สร้างเมืองตั้งตระหง่านอย่างสง่างาม แล้วนำท่านชม โรงอาบน้ำแร่เก่าแก่ (Bath Houses) ในย่านโซโลลากี (Sololaki) ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องบ่อน้ำร้อนกำมะถันธรรมชาติ (Sulphur Spring Water) จึงเหมาะกับกิจกรรมออนเซ็นในแบบฉบับของจอร์เจีย โรงอาบน้ำเหล่านี้ยังมีการให้บริการอยู่ในปัจจุบันและเป็นที่นิยมของชาวเมืองทบิลิซี

      กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย        นำท่านเดินชม ย่านเมืองเก่า (Old Tbilisi) นครหลวงทบิลิซี หนึ่งในชุมชนคริสเตียนที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่เคยถูกรุกรานหลายครั้งหลายคราจากพวกชาวอาหรับ เปอร์เซีย มองโกล และรัสเซีย ทำให้นครแห่งนี้ผสมผสานไปด้วยชุมชนของกลุ่มชาติพันธุ์เก่าแก่ต่างๆที่อาศัยอยู่มายาวนานหลายชั่วอายุคน เป็นย่านเมืองเก่าที่มีเสน่ห์ชวนหลงใหล อาทิเช่น ย่านโซโลลากี บ้านเรือนพื้นเมืองอายุหลายร้อยปีที่เป็นศิลปะผสมผสานระหว่างยุโรปกับเปอร์เซีย รวมทั้งเป็นย่านที่ตั้งของโรงอาบน้ำโบราณของทบิลิซีอีกด้วย ถนนชาร์ดีน (Chardin Street) ถนนคนเดินขึ้นชื่อสายหนึ่งในย่านเมืองเก่าที่เป็นศูนย์รวมร้านค้าต่างๆรวมถึง โบสถ์ซีโอนี (Sioni Cathedral) ที่เก่าแก่และมีความสำคัญยิ่งสำหรับชาวจอร์เจีย เพราะเป็นสถานที่เก็บไม้กางเขนที่ทำจากเถาองุ่นของเซ็นต์นีโน่เอาไว้ที่นี่ 
      นำท่านเดินชม สะพานสันติภาพ (Bridge of Peace) สะพานลอยสำหรับผู้คนสัญจรใช้ข้ามแม่น้ำคูรา ซึ่งสถาปัตยกรรมการก่อสร้างใช้กระจกใสเป็นองค์ประกอบหลักอันบ่งบอกถึงความทันสมัยของโลกปัจจุบัน
      อิสระให้เดินเล่นบน ถนนรุสตาเวลี (Rustaveli Avenue) เป็นถนนธุรกิจสายหลักของนครที่สองฟากถนนมีอาคารสไตล์ยุโรปสวยงามตั้งเรียงรายเต็มไปด้วยร้านค้าหรูหรา ร้านกาแฟ ร้านแผงลอยขายของที่ระลึกมากหลากหลายวางอวดโฉมอยู่บนทางเท้าราวกับพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง พร้อมชมจัตุรัสหลักอีกแห่งหนึ่งของเมืองที่สวยงามโดดเด่นอย่าง จัตุรัสเซ็นต์จอร์จ (St.George Square) 
      นำท่านชมโบสถ์นิกายออโธด๊อกซ์ วิหารตรีเอกานุภาพแห่งทบิลิซี (Holy Trinity Cathedral of Tbilisi) โบสถ์นี้ในภาษาท้องถิ่นมีชื่อว่า ซาเมบา (Sameba) เป็นโบสถ์คริสต์ออโธด๊อกซ์ที่สูงสุดเป็นอันดับสามของโลก (ความสูง 84 เมตร) ใช้เวลาในการก่อสร้างกว่า 10ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ในปีค.ศ. 2004 เดิมสถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นสุสานเก่าของชาวอาร์เมเนียในกรุงทบิลิซี 

      ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Radisson Blu hotel 5*, Tbilisi หรือเทียบเท่า
  • Day 3
    ทบิลิซี – มซเฮตา – กูดาวรี – คาซเบกิ
    • เช้า   รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
          นำท่านเที่ยว เมืองมซเฮตา (Mtskheta) เมืองที่เป็นศูนย์กลางทางศาสนาของจอร์เจีย ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงทบิลิซีไป 25 กิโลเมตร ในอดีตเมืองแห่งนี้เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรไอบีเรียตั้งแต่ในช่วงยุค 300 ปีก่อนคริสตกาล จนกระทั่งคริสต์ศตวรรษที่ 5 องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียน “โบราณสถานแห่งเมืองมซเฮตา” ให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ.1994
      จากนั้นนำท่านสู่ อารามจวารี (Jvari Monastery) จากเนินเขาที่ตั้งของอารามจะมองเห็นวิวทิวทัศน์สวยงามของอดีตเมืองหลวงเก่าของจอร์เจีย และเป็นบริเวณจุดบรรจบกันของแม่น้ำสองสายหลักของจอร์เจีย คือ แม่น้ำมตควารีและแม่น้ำอารักวี อารามแห่งนี้เป็นที่เก็บไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในสามอันที่สร้างในสมัยนักบุญนีโน่ นำท่านชม มหาวิหารสเวติสโฆเวลี (Svetitskhoveli Cathedral) สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11 ที่นี่คือศูนย์กลางทางศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในจอร์เจีย ภายในมหาวิหารแห่งนี้ก็มีภาพเขียนเฟรสโก้ที่สวยงามบอกเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับคริสต์ศาสนา และยังมีหลุมฝังพระศพของกษัตริย์จอร์เจียที่สำคัญอีกสองพระองค์ คือ กษัตริย์วาคตัง กอร์กาซาลี (King Vakhtang Gorgasali of Katli) แห่งศตวรรษที่ 4 และกษัตริย์อีเรคเคิลที่สอง (King Erekle II) แห่งศตวรรษที่ 18  

      กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น 
      บ่าย    ออกเดินทางต่อไปบนเส้นทางหลวงทหารจอร์เจียสายประวัติศาสตร์ (Georgian Military Highway) ทางทิศเหนือของทบิลิซี สู่เมืองคาซเบกิ ระหว่างทางแวะชม ป้อมปราการอันนานูรี (Ananuri Fortress) ซึ่งเป็นป้อมปราการเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอารักวีใกล้อ่างเก็บน้ำซินวาลี สร้างขึ้นโดยท่านดยุคแห่งอารักวีในช่วงคริสต์ศตวรรษที่13 ป้อมปราการแห่งนี้ประกอบด้วยสองส่วนเข้าด้วยกัน คือ ป้อมปราการส่วนบนที่เป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมนั้นถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี และป้อมปราการส่วนล่างที่มีลักษณะอาคารทรงกลมอยู่ในสภาพถูกทำลายเสียหายโดยส่วนใหญ่ ปัจจุบันป้อมปราการแห่งนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย (Unesco Tentative List)  
      เดินทางต่อสู่เมืองแห่งสกีรีสอร์ทที่สวยงามแห่งเทือกเขาคอเคซัส ณ ระดับความสูง 2,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นประตูหน้าด่านสู่ เมืองสเตปันทสมินดา (Stepantminda) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อว่า เมืองคาซเบกิ (Kazbegi) บนเส้นทางหลวงทหารสายนี้ ท่านจะได้เพลิดเพลินกับความงดงามตระการตาของวิวทิวทัศน์แถบเทือกเขาคอเคซัส (The Greater Caucasus) ตลอดเส้นทาง คาซเบกิเป็นชื่อเรียกในสมัยที่ถูกปกครองโดยสหภาพโซเวียต เมืองใกล้ชายแดนรัสเซียที่มีชื่อเสียงในเรื่องของ
      ความงามทางธรรมชาติของทิวทัศน์ และยอดเขาคาซเบ็ก (Mount Kazbek) ซึ่งมีความสูง 5,047 เมตรเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดเป็นอันดับเจ็ดของเทือกเขาคอเคซัส 
      นำท่านนั่งรถจี๊ป (คันละ 4-5 ท่าน) ขึ้นสู่ยอดเนินเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของ โบสถ์สมินดา ซาเมบา (Tsminda Sameba Church / Gergeti Trinity Church) ในระดับความสูง 2,170 เมตรที่อยู่ใกล้หมู่บ้านเกอเกติ โบสถ์เก่าแห่งนี้สร้างขึ้นสมัยคริสต์ศตวรรษที่14 อายุกว่า 700 ปี โบสถ์หลังนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์การท่องเที่ยวของจอร์เจียในปัจจุบัน และเคยได้ขึ้นหน้าปกหนังสือท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง Lonely Planet อิสระให้ท่านได้ถ่ายภาพวิวทิวทัศน์บริเวณรอบๆ โบสถ์ที่มองเห็นหมู่บ้านเกอเกติอยู่เบื้องหน้าและเมืองคาซเบกิที่อยู่เบื้องหลังและทุ่งหญ้ารอบเนินเขาเป็นแหล่งอาหารของฝูงวัวแห่งคอเคซัสด้วย (ก่อนเข้าชมโบสถ์ด้านใน เฉพาะผู้หญิงจะต้องนุ่งผ้าที่ทางโบสถ์เตรียมไว้ให้) 
      จากนั้นเดินทางกลับลงไปยังเมืองเพื่อเปลี่ยนเป็นรถบัส แล้วเดินทางต่อกลับสู่โรงแรมที่พัก

      ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำที่โรงแรม 
        เข้าสู่โรงแรมที่พัก Rooms Hotel 4*, Kazbegi หรือเทียบเท่า
  • Day 4
    คาซเบกิ – โกรี – นครถ้ำอุพลิทซิเฆ – คูไตซี
    • เช้า   รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม พร้อมชมทิวทัศน์ของเทือกเขาคอเคซัส ณ ระเบียงเบื้องหน้าของโรงแรม
         เดินทางต่อสู่เมืองโกรี (ระยะทางราว 150 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที) ระหว่างทางให้ท่านแวะถ่ายรูปที่ อนุสรณ์สถานมิตรภาพระหว่างจอร์เจียและรัสเซีย (Georgia&Russia Friendship Monument)

      กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย    เมืองโกรี เป็นเมืองหลวงของแคว้นชีดา คาร์ตลี ในยุคของสหภาพโซเวียต โกรีได้ถูกพัฒนาให้เป็นเมืองศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม อีกทั้งเป็นบ้านเกิดของโจเซฟ สตาลิน อดีตจอมเผด็จการผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของโลกช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 
      นำท่านชม พิพิธภัณฑ์และบ้านเกิดของโจเซฟ สตาลิน (Joseph Stalin Museum) พร้อมทั้งรถไฟที่เขาใช้ในการเดินทางไปประชุมในที่ต่างๆ  
      นำท่านเดินทางไปชม นครถ้ำอุพลิทซิเฆ (Uplistsikhe) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองโกรีไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ราว 15 กิโลเมตร 
      อุพลิทซิเฆ คือนครถ้ำที่เคยเป็นถิ่นฐานของผู้คนและอารยธรรมในแถบนี้ตั้งแต่เมื่อ 3,000 ปีก่อน หินผาขนาดใหญ่ถูกสกัดและสลักเสลาเป็นช่องห้องโถงต่างๆมากมายจนกลายเป็นนครถ้ำตั้งอยู่บนแนวเทือกเขาหินทรายซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ อดีตถ้ำอุพลิทซิเฆเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมของจอร์เจียฝั่งตะวันออกตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล และช่วงที่เมืองนี้มีความเจริญสุดขีดคือในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9-11 ก่อนจะถูกรุกรานโดยชาวมองโกลในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 และถูกปล่อยให้เป็นเมืองร้างไป ประการสำคัญ นครถ้ำอุพลิทซิเฆนี้คือส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมที่เชื่อมต่อเมืองไบแซนติอุมแห่งจักรวรรดิ์ไบแซนไทน์ ปัจจุบันคือ อิสตันบูลของตุรกี 
      ได้เวลาพอสมควร เดินทางต่อสู่ เมืองคูไตซี (Kutaisi)
      (ระยะทางประมาณ 170 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 2 ชั่วโมง 45 นาที) 

      ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำที่โรงแรม 
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Best Western Hotel 4*, Kutaisi หรือเทียบเท่า 
  • Day 5
    คูไตซี – ถ้ำโพรมีธีอุส – บาตูมี – ล่องเรือในทะเลดำ
    • เช้า   รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
          ออกเดินทางไปชม ถ้ำโพรมีธีอุส (Prometheus Cave) หนึ่งในถ้ำอัศจรรย์ของจอร์เจียที่ถูกค้นพบครั้งแรกในปีค.ศ. 1984 และต่อมาในปีค.ศ.2012 ก็ถูกพัฒนาตกแต่งประดับไฟเพิ่มสีสันเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมจำนวนมากในแต่ละปี นำท่านเดินชมความสวยงามของหินงอกและหินย้อยสะท้อนแสงสีอันตระการตาภายในตัวถ้ำ

      กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      ได้เวลาพอสมควร เดินทางต่อสู่ เมืองบาตูมี (ระยะทางราว 160 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมง) เมืองบาตูมี (Batumi) เป็นเมืองหลวงของแคว้นเขตปกครองตนเองพิเศษอัดจารา อยู่ห่างจากคูไตซีออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เป็นเมืองท่าริมชายฝั่งทะเลดำ (Black Sea) ที่ถูกเรียกขานว่าเป็นเมืองหลวงแห่งที่สองของจอร์เจีย เพราะเป็นเมืองท่า เมืองอุตสาหกรรมทันสมัย และศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลไม้จำพวกส้มและชา และปัจจุบันเศรษฐกิจหลักของเมืองแห่งนี้คือการท่องเที่ยว อีกทั้งบาตูมีก็มีความสำคัญในฐานะที่เป็นจุดหมายปลายทางของเส้นทางรถไฟจากบากู เมืองหลวงของอาเซอร์ไบจานที่เป็นเส้นทางการขนส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในภูมิภาคแถบนี้ 
      นำท่าน ล่องเรือในทะเลดำ เพื่อชมอ่าวบาตูมีและวิวทิวทัศน์ของเมืองบาตูมีที่อยู่ริมฝั่งทะเลดำ ซึ่งเหตุที่ได้ชื่อเรียกว่าทะเลดำก็เพราะดินโคลนชายฝั่งและทรายบนชายหาดของทะเลแห่งนี้เป็นสีดำอันเนื่องมา จากสารไฮโดรเจนซัลไฟท์ นำท่านชม อนุสาวรีย์รูปปั้นอาลีและนีโน่ (Ali and Nino Moving Sculptures) อนุสาวรีย์ในชื่อ “ชายและหญิง” ทำด้วยเหล็กเคลื่อนไหวได้ ความสูงประมาณ 8 เมตร ผลงานศิลปินชาวจอร์เจีย TamaraKvesitadze ที่บอกเล่าเรื่องราวความรักอันน่าเศร้าของ “อาลี” หนุ่มมุสลิมชาวอาเซอรี่ กับ “นิโน” เจ้าหญิงชาวจอร์เจีย อ้างอิงจากวรรณกรรมนักเขียนชาวอาเซอร์ไบจัน นอกจากนี้ยังมีความพิเศษคือรูปปั้นนี้จะขยับเข้าหากันในเวลา 19.00 น.ของทุกวัน ใกล้ๆกันนั้น ท่านสามารถชมสิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์ของ ชิงช้าสวรรค์ (Batumi Ferris wheel) ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองบาตูมี  

      ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น 
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Radisson Blu Hotel 5*, Batumi หรือเทียบเท่า 
  • Day 6
    บาตูมี – คูไตซี
    • เช้า   รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
      นำท่านชมเมืองโดยรอบและอิสระให้ท่านเดินเล่นบนถนนสายหลักของบาตูมี (Batumi Boulevard) และนำท่านชมบรรยากาศของบ้านเรือนเก่าในย่านเมืองเก่าที่ดาษดาไปด้วยคาเฟ่ ร้านค้า และโบสถ์เก่าแก่ อาทิเช่น จัตุรัสเปียสซ่า (Piazza Square) ซึ่งจัตุรัสแห่งนี้ได้เริ่มปรับปรุงเพื่อให้เป็นแหล่งบันเทิงและพักผ่อนหย่อนใจแห่งใหม่ของเมืองประกอบไปด้วยภัตตาคาร โรงแรม ฯลฯ โดยสถาปัตยกรรมโดยรอบนับว่าได้แรงบันดาลใจจากประเทศอิตาลี โดยสังเกตได้จากภาพโมเสคและงานกระจกสีตามอาคารต่างๆ แล้วพาท่านชมความสวยงามของกลุ่มอาคารที่อยู่ในบริเวณ ยุโรปสแควร์ (Europe Square) ใจกลางจัตุรัสเมืองบาตูมี นำท่านเดินเล่นบนถนน บาตูมีบูเลอวาร์ด (Batumi Boulevard) เป็นพื้นที่เก่าแก่ถูกสร้างขึ้นในราวปีค.ศ.1881ที่มีการตกแต่งและประดับต้นไม้ให้มีความสวยงามไปตามความยาวของหาดเกือบ 7 กิโลเมตร จากนั้นนำท่านชม The Alphabet Tower หอคอยสัญลักษณ์แห่งเมืองบาตูมี ซึ่งมีความสูงถึง 130 เมตรวัดจากเหนือพื้นดิน ซึ่งสถาปัตยกรรมภายนอกของหอคอยแห่งนี้จะมีลักษณะคล้ายเกลียวคู่ของ DNAมนุษย์ โดยตรงกลางจะเป็นลิฟต์ขึ้นลงสำหรับนักท่องเที่ยวในการขึ้นไปยังจุดสูงสุดของหอคอยเพื่อชมวิวทิวทัศน์ของเมืองบาตูมีได้โดยรอบ

      กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย   สิ่งสำคัญโดดเด่นเฉพาะถิ่นของจอร์เจีย คือ การทำไร่องุ่นและการบ่มไวน์ที่มีชื่อเสียงมาช้านาน เพราะ ว่าเป็นแหล่งเพาะปลูกองุ่นพันธุ์ที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งในจอร์เจีย นำท่านเดินทางไปยัง โรงผลิตไวน์ (Local Winery) ที่ท่านจะได้ชมกระบวนการการผลิตพร้อมชิมไวน์ที่มีชื่อเสียงของจอร์เจียที่เก็บบ่มไวน์ในไหใต้ดิน ด้วยคุณภาพไวน์จากวิธีการเก็บบ่มไวน์ดังกล่าวนี้เองทำให้จอร์เจียและไวน์ของที่นี่ได้รับสมญานามว่า Georgia - A Cradle of Wine เดินทางต่อสู่ เมืองคูไตซี (Kutaisi) (ระยะทาง 150 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 2 ชั่วโมง 30 นาที) นำท่านชม มหาวิหารบากราติ (Bagrati Cathedral) และ อารามเจลาติ (Gelati Monastery) องค์การยูเนสโก้ได้ทำการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ.1994 และล่าสุดได้รับการบูรณะครั้งใหม่จนเสร็จสิ้นในปีค.ศ.2012 สถานที่ทั้งสองแห่งนี้ถือเป็นโลโก้สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองคูไตซี
      นำทุกท่านแวะถ่ายรูปที่ น้ำพุโคลคิส (Colchis Fountain) น้ำพุหล่อรูปสัตว์ ตั้งอยู่ในจัตุรัส David Agmashenebeli ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 2011 บนจุดสูงสุดของน้ำพุจะเป็นรูปม้าคู่ประดับเกราะสีทองสง่า รายล้อมไปด้วยบรรดาเหล่าสัตว์น้อย อาทิ กวาง แพะ แกะ ซึ่งรูปหล่อบางส่วนมีอายุมากกว่า 5,000 ปี

      ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำที่โรงแรม 
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Best Western Hotel 4*, Kutaisi หรือเทียบเท่า
  • Day 7
    คูไตซี – ทบิลิซี
    • เช้า    รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
        เดินทางกลับเข้าสู่ เมืองทบิลิซี (ระยะทางราว 230 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมง 30 นาที) แวะชม อนุสาวรรีย์ประวัติศาสตร์จอร์เจีย (The Chronicle of Georgia) ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่งหินสีดำขนาดใหญ่แกะสลักเป็นรูปไอคอนต่างๆ ที่สื่อถึงเรื่องราวในอดีตของประเทศจอร์เจีย สร้างขึ้นโดย ซุราป สถาปนิกชื่อดังก่อสร้างเมื่อปีค.ศ.1985 ประกอบด้วยแท่งเสา 16 แท่ง แต่ละแท่งสูง 35 เมตร แต่ละเสาจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนล่างสุดเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ ส่วนกลางเกี่ยวกับเรื่องราวของข้าราชการชนชั้นสูงของจอร์เจีย และส่วนบนเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญต่างๆของประเทศ ท่านสามารถชมวิวเมืองจากมุมสูงได้จากสถานที่แห่งนี้อีกด้วย

      กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย   เช็คอินเข้าโรงแรมเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัย หรือ อิสระเดินเล่นบนถนนรุสตาเวลี ตามอัธยาศัย

      ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น พร้อมดูโชว์ 
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Radisson Blu hotel 5*, Tbilisi หรือเทียบเท่า
  • Day 8
    ทบิลิซี (จอร์เจีย) – โกชาแวงค์ (อาร์เมเนีย) – ฮักอาร์ตซิน – ดิลิจัน
    • เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
      08.00 น. เดินทางมุ่งหน้าสู่ เมืองซาดาโคล ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงทบิลิซีราว 72 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที อันเป็นเมืองหน้าด่านพรมแดนระหว่างจอร์เจียและอาร์เมเนีย (ในการข้ามพรมแดนทั้งสองประเทศ จะมีช่วงรอยต่อพรมแดนที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ(No Man Land) ท่านต้องลากกระเป๋าของตนเองโดยมีระยะทางรวม 200-250 เมตร เพราะไม่มีคนยกกระเป๋าบริการเนื่องจากเป็นเขตแดนควบคุมการเข้าออกอย่างเข้มงวด)  หลังจากผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองแล้ว นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านโกช (Gosh) เขตจังหวัดทูวาชทางตอนเหนือของอาร์เมเนีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของอารามสำคัญทั้ง 2 แห่ง คือ อารามโกชาแวงค์ (Goshavank Monastery) สร้างในช่วงคริสต์ ศตวรรษที่12-13 เป็นอารามเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของอาร์เมเนีย แม้ในปัจจุบันจะไม่ได้ใช้งานศาสนกิจแล้วก็ตาม แต่ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญเพราะเป็นอารามที่เก็บรักษากางเขนหินแกะสลัก (Khachkar) ที่มีลวดลายละเอียดลออ ถือเป็นหนึ่งในต้นแบบผลงานชิ้นเอกสวยระดับโลกที่หาชมได้ยาก ซึ่งมีชื่อเรียกว่า "Aseghnagorts" (The Needlecarved) ส่วนชื่ออารามนี้ได้ตั้งชื่อตามชื่อของผู้บูรณะซ่อมแซมใหม่นามว่า Mkhitar Gosh จากนั้นนำชม อารามฮักอาร์ตซิน (Haghartsin Monastery) สร้างในช่วงคริสต์ศตวรรษที่10-13 เป็นอารามเก่าแก่ที่มีอายุใกล้เคียงกันกับอารามโกชาแวงค์ โดยอารามนี้สร้างขึ้นด้วยทุนทรัพย์ของตระกูลบากราตูนีส่วนใหญ่ ส่วนชื่ออารามนี้มาจากคำว่า ฮัก แปลว่า โบยบิน ส่วนคำว่า อาร์ตซิน แปลว่า นกอินทรี จึงมีความหมายว่า อารามแห่งนกอินทรีโบยบิน อารามทั้งสองแห่งข้างต้นจัดเป็นผลงานที่โดดเด่นทางสถาปัตยกรรมในแบบฉบับอาร์เมเนียในยุคกลาง
       
      กลางวัน    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย   นำท่านเดินทางต่อไปยัง เมืองดิลิจัน (Dilijan) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบเซวาน ริมแม่น้ำอัคซเทป อยู่สูง 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีป่าเขียวชอุ่มและอากาศเย็นสดชื่นตลอดปี จึงกลายเป็นเมืองที่สำคัญทางด้านการท่องเที่ยว และได้ชื่อว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งอาร์เมเนีย (Little Switzerland of Armenia) 

      ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำที่โรงแรม 
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Best Western Paradise Resort  4*, Dilijan หรือเทียบเท่า 
  • Day 9
    ดิลิจัน – เซวาน – การ์นี (Garni) – เก็กเคริท – เยเรวาน
    • เช้า   รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
          ออกเดินทางผ่าน เมืองเซวาน แวะเก็บภาพความสวยงามของ ทะเลสาบเซวาน (Sevan Lake) ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเขตเทือกเขาคอเคซัส และโบสถ์เซวานาแวงค์ (Sevanavank Monastery) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมทะเลสาบทางตะวันตกเฉียงเหนือ  คำว่า "แวงค์" เป็นภาษาอาร์เมเนียแปลว่า วิหาร  สร้างโดยเจ้าหญิงมาเรียม พระธิดาของกษัตริย์อาชอตที่ 1 (Ashot I) ในปีค.ศ.874 เมื่อเก็บภาพกัน พอสมควรแล้วเดินทางต่อ (ระยะทางประมาณ 85 กิโลเมตร ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง 30 นาที)

      กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย    นำท่านชม วิหารการ์นี (Garni Temple) ในอดีตเมื่อ 3 ปีก่อนคริสตกาลมาแล้ว พบว่าเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์และเป็นเมืองสำคัญในยุคจักรวรรดิ์โรมัน ในเวลาต่อมา บริเวณนี้เคยใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์แห่งอาร์เมเนียจนถึงราชวงศ์สุดท้ายที่กษัตริย์ถูกลอบสังหารโดยลูกเขยและหลานของพระองค์เอง วิหารเสียหายจากแผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ.1679 สิ่งที่พบเห็นในปัจจุบันจะเป็นการบูรณะซ่อมแซมใหม่ ลักษณะสถาปัตยกรรมคล้ายกรีกแต่ลวดลายเป็นศิลปะแบบอาร์เมเนีย ถัดจากเมืองการ์นีขึ้นไปทางเหนือ บริเวณหุบเขาใกล้แม่น้ำเอแซท (Azat River) นำท่านไปชมวัดถ้ำ หรือ วิหารเก็กเคริท (Geghard Monastery) ที่แกะสลักจากภูเขาหิน (คล้ายวิหารฮินดูที่ อจันต้า-อินเดีย) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 4 ซึ่งเป็นยุคที่ศาสนาคริสต์กำลังรุ่งเรือง แต่ถูกทำลายในช่วงศตวรรษที่ 9 จากการรุกรานของชาวอาหรับ อย่างไรก็ตามภายในวิหารยังมีการตกแต่งที่สวยงาม มีการตัดหินเป็นรูปคานโค้งอย่างงดงามรวมทั้งมีภาพแกะสลักบนกำแพงหินในรูปต่างๆที่สื่อความหมายต่างๆอีกด้วย 
      จากนั้นเดินทางต่อเข้าสู่ กรุงเยเรวาน เมืองหลวงของประเทศอาร์เมเนีย
      นำท่านชม จัตุรัสกลางเมือง (Republic Square) เดิมทีชื่อว่า Lenin Square ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางทั้งด้านธุรกิจและด้านการปกครอง อันเป็นที่ตั้งของกระทรวงสำคัญต่างๆหลายกระทรวง มีตึกอาคารต่างๆที่รายล้อมรอบจัตุรัสนั้นสวยงามโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบอาร์เมเนียน มีน้ำพุตั้งอยู่ที่จัตุรัสดังกล่าว ซึ่งช่วงกลางคืนจะมีการเปิดให้ชมน้ำพุเต้นระบำเป็นรอบๆด้วยเช่นกัน
       
      ค่ำ    รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น 
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Marriott Hotel 5*, Yerevan หรือเทียบเท่า 
  • Day 10
    เยเรวาน – คอร์วิราบ – เอคเมียทซิน – ซวาสนอทซ์ – เยเรวาน คาสเคด
    • เช้า   รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
          นำท่านเดินทางไปยังเขตอารารัตและตรงไปสู่วิหารคอร์วิราบ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนของอาร์เมเนียและตุรกีเพียง 8 กิโลเมตร ใกล้แนวเทือกเขาอารารัต นำชม วิหารคอร์วิราบ ตั้งอยู่ที่ความสูง 829 เมตร คำว่า “คอร์” เป็นชื่อของนักบุญเกรกอรี่ “วิราบ” เป็นภาษาอาร์เมเนีย แปลว่า หลุมลึก สถานที่แสวงบุญของชาวคริสต์ วิหารคอร์วิราบสร้างตั้งแต่ปีค.ศ. 642 โดยคำแนะนำของนักบุญเกรกอรี่ที่ให้คำปรึกษาด้านศาสนาแก่กษัตริย์ธิริเดทที่ 3 (Tiridates III) ทำให้ศาสนาคริสต์เป็นที่เลื่อมใสและอาร์เมเนียเป็นประเทศแรกในโลกที่ได้ประกาศให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ บริเวณบนนี้เองท่านสามารถมองเห็นวิวยอดเขาอารารัตใหญ่ (5,137 เมตร) และยอดเขาเลสเซอร์อารารัต (3,896 เมตร) ได้อย่างชัดเจนหากฟ้าเปิดเป็นใจ 
      จากนั้นเดินทางสู่ เมืองเอคเมียทซิน (Echmiadzin) อยู่ห่างจากกรุงเยเรวานราว 20 กิโลเมตร นำชม คริสตจักรเอคเมียทซิน (Echmiadzin Cathedral) หรือ อีกชื่อหนึ่งว่า วิหารพระมารดาแห่งคริสตจักรอาร์เมเนีย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นศูนย์กลางของคริสตจักรอาร์เมเนีย มีความสำคัญเทียบเท่าเสมือนเป็นวาติกันของอาร์เมเนีย และที่แห่งนี้จัดเป็นโบสถ์คริสต์แห่งแรกที่เก่าแก่ที่สุดของโลก โดยมีตำนานเล่าว่า มันเป็นสถานที่ที่พระเยซูคริสต์เสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อแสดงตำแหน่งที่พระองค์มีพระประสงค์ให้สร้างโบสถ์ ดังนั้น คำว่า “Echmiadzin” หมายถึง "The only-begotten descended" โบสถ์ถูกสร้างขึ้นโดยนักบุญเกรกอรี่ (St.Gregory) ในระหว่างปีค.ศ.301-303 เดิมสร้างด้วยไม้และบูรณะเปลี่ยนเป็นหิน ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม ที่สำคัญคือได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปีค.ศ.2000 นอกจากนี้ภายในบริเวณเขตรั้วของมหาวิหารก็มีกลุ่มอาคารต่างๆ อาทิเช่น ห้องสมุด โรงพิมพ์ มหาวิทยาลัยสอนศาสนาและที่สำคัญคือ พระราชวังประทับขององค์พระสังฆราชแห่งอาร์เมเนีย หรือที่เรียกว่า “คาทอลิโก้” (Catholico)
        
      กลางวัน    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย    เดินทางไปชมซากปรักหักพังของ อารามซวาสนอทซ์ (Zvartnots Cathedral) สร้างขึ้นในช่วงเวลาที่อาร์เมเนียอยู่ภายใต้การควบคุมของอาณาจักรไบเซนไทน์และในช่วงต้นของการรุกรานอาร์เมเนีย โดยชาวอาหรับมุสลิม ซึ่งการก่อสร้างวิหารเริ่มขึ้นในปีค.ศ.643 โดยคาทอลิโก้ เนอร์เสส (Catholico Nerses the Builder) เพื่ออุทิศให้แก่นักบุญเกรกอรี่ หลังจากการยึดครองของชาวอาหรับและสงครามรุนแรงทวีระหว่างกองทัพไบเซนไทน์และอาหรับที่บริเวณชายแดนตะวันออก รวมทั้งเกิดเหตุแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงหลายครั้ง อารามแห่งนี้จึงเหลือเพียงซากปรักหักพังถูกฝังไว้อยู่ใต้ดินจนกระทั่งมีผู้มาขุดค้นเจอโดยบังเอิญในปีค.ศ.1905 แต่จากการศึกษาโครงสร้างทำให้ทราบว่าอารามแห่งนี้ เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่สวยมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุคนั้น จึงได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี ค.ศ. 2000 ก่อนอำลาอาร์เมเนีย....ดินแดนแห่งคริสต์ศรัทธา นำท่านชม กรุงเยเรวาน (Yerevan) เมืองที่มีประวัติย้อนไปในยุคศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล เดิมชื่อ เมืองเยเรบูนี่ (Erebuni) เมืองหลวงแห่งนี้จัดเป็นเมืองที่สวยงามแห่งหนึ่งในแถบภูมิภาคคอเคซัสที่มีรูปแบบโครงสร้างอาคารสถาปัตยกรรมในตัวเมืองมีกลิ่นอายของการผสมผสานระหว่างยุโรปและรัสเซีย และตั้งอยู่ในระดับสูงกว่า 800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อากาศจึงเย็นสบาย กรุงเยเรวานตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ราบหุบเขาอารารัต มีแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่านชื่อ แม่น้ำราซดัน (Hrazdan River) นำท่านชม เยเรวาน คาสเคด (Yerevan Cascade) สิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงแห่งนี้ซึ่งมีลักษณะเป็นขั้น บันไดลดหลั่นกันลงมามีความสูงประมาณ 500 เมตรและมีการปล่อยน้ำลงมาเสมือนเป็นน้ำตกขั้นบันได โดยภายในของอาคารดังกล่าวยังเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงศิลปะร่วมสมัยตามขั้นบันไดอย่างสวยงามสะดุดตา เมื่อขึ้นเป็นถึงชั้นบนสุด ท่านสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวย งามของกรุงเยเรวานได้โดยรอบ 

      ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น มื้ออำลาภูมิภาคคอเคซัส
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Marriott Hotel 5*, Yerevan หรือเทียบเท่า 
  • Day 11
    เยเรวาน – โดฮา – กรุงเทพฯ
    • 01.00 น.   เดินทางสู่สนามบิน เตรียมตัวเช็คอินสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ เพื่อเดินทางกลับสู่ประเทศไทย
      03.50 น.   เหินฟ้าสู่ เมืองโดฮา ประเทศกาต้าร์ โดยสายการบิน QATAR AIRWAYS เที่ยวบินที่ QR 286 (ใช้เวลาบิน 2 ชั่วโมง 55 นาที) (บริการอาหารบนเครื่องบิน)
      05.45 น.   เดินทางถึงสนามบินโดฮา เปลี่ยนเครื่องบินเพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทาง กรุงเทพฯ 
      08.10 น. เหินฟ้าสู่ กรุงเทพ ประเทศไทย โดยสายการบิน QATAR AIRWAYS เที่ยวบินที่ QR 838 (ใช้เวลาบิน 6 ชั่วโมง 50 นาที)  (บริการอาหารบนเครื่องบิน)
      19.00 น.  เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
Top