เส้นทางรถไฟทรานส์ไซบีเรีย..ทางรถไฟสายโรแมนติกที่ยาวที่สุดในโลก 

ทรานส์ไซบีเรีย เป็นการเดินทางท่องเที่ยวโดยรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย ซึ่งจะเริ่มต้นสถานีตั้งแต่กรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย แล้วมีเส้นทางเชื่อมต่อกับทางรถไฟสายทรานส์มองโกเลีย และทางรถไฟสายแมนจูเรีย ในการเดินทางครั้งนี้ เราได้ออกแบบเส้นทางการท่องเที่ยวที่ไม่ซ้ำแบบใคร โดยเริ่มต้นการเดินทางจากเมืองอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย แล้วนั่งรถไฟสายทรานส์มองโกเลีย ไปเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย ที่เมืองอูันอูเด ประเทศรัสเซีย แต่การเดินทางครั้งนี้เราไม่ต้องเปลี่ยนขบวนรถนะ มันคือรถไฟขบวนเดียวกัน แค่เปลี่ยนสถานีเชื่อมสองประเทศมองโกเลียและประเทศรัสเซียนั่นเองค่ะ

ความคลาสสิกของเส้นทางนี้ ไม่เพียงแต่ทรานส์ไซบีเรียเท่านั้น แต่ที่เริ่มจากอูลานบาตอร์ เพราะเป็นหนึ่งในเส้นทางฝันของใครหลายคน ที่ครั้งหนึ่งอยากไปตามรอยมหาบุรุษที่ยิ่งใหญ่ นักรบบนหลังม้า "เจงกีสข่าน" ใครจะเชื่อว่า โนแมด หรือ ชนเผ่าเร่ร่อนธรรมดาจะกลายเป็นผู้ครอบครองดินแดนอันยิ่งใหญ่ ขยายอาณาเขตไปไกลกว่าครึ่งซีกโลก ! เจงกีสข่าน ตำนานวีรบุรุษนักรบบนหลังม้า มีประวัติความเป็นมาที่น่าศึกษามาก และถูกยกย่องว่าเป็นบุคคลสำคัญที่ 1,000 ปี จะมีสักหนึ่งคน !

จึงไม่แปลกว่าโปรแกรมการเดินทางนี้มันมีสเน่ห์ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มออกเดินทาง เริ่มต้นการเดินทางด้วยการจากมองโกเลีย เยือนเมืองหลวง อูลันบาตอร์ เมืองที่รูปแบบสถาปัตยกรรมต่างๆ รวมทั้งวิถีชีวิตของผู้คนได้รับอิทธิพลจากสองประเทศมหาอำนาจอันยิ่งใหญ่ คือ รัสเซียและจีน สัมผัสวิถีชีวิตของชนเผ่ามองโกเลียด้วยประสบการณ์การขี่ม้าไปในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ และเยี่ยมชมชาวพื้นเมืองที่อาศัยในกระโจมแบบดั้งเดิมขนานแท้ของชนเผ่ามองโกเลีย พักค้างคืนในกระโจมมองโกลดั้งเดิม หรือ เรียกว่าเกอร์แค้มป์ (Ger) พร้อมชมการแสดงพื้นบ้านของชาวมองโกเลีย เป็นการแสดงนาฎศิลป์ดนตรีและการเต้นรำ ขับร้อง การร้องเพลงของคนที่นี่มีเอกลักษณ์มาก น้ำเสียงที่โดดเด่นเปล่งออกมาจากลำคอ (Throat singing) อัตลักษณ์บุคคลที่สืบสานกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม จากองค์การยูเนสโก้ 

ชมการแสดงพื้นเมืองและการแสดงยิมนาสติกที่หาชมได้ยาก เมื่อผ่านมองโกเลีย เรามุ่งหน้าสู่เส้นทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย เริ่มตั้งแต่มอสโคว์ถึงวลาดิวอสต็อก มีความยาวถึง 9,288 กิโลเมตร 
วิ่งข้าม 8 โซนเวลาที่แตกต่างกันของโลก ผ่าน 3 ประเทศ คือ รัสเซีย มองโกเลีย และจีน เส้นทางรถไฟนี้นับเป็นอีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างของมนุษย์ที่สามารถมองเห็นได้จากนอกโลก ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 13 ปี โดยมีเส้นทางแบ่งย่อยๆ ไปอีกหลายเส้นทาง

เข้าสู่รัสเซีย ซึ่งระหว่างทางท่านจะเห็นวิวทิวทัศน์ของหมู่บ้านของชาวไซบีเรียเกาะกลุ่มอยู่เป็นระยะๆ บ้านไม้ทาสีหน้าต่างหลากสีสัน โดยเฉพาะระยะทางจากอูลันอูเดไปเอียร์คุตสก์เป็นช่วงที่ทิวทัศน์สองข้างทางสวยงาม รถไฟจะวิ่งเลียบไปตามชายฝั่งตอนใต้ตามโค้งของทะเลสาบไบคาล 
ผ่านแนวเนินเขาสูงต่ำสลับไปมา จะเห็นผืนน้ำสีฟ้าในทะเลสาบกับฉากแนวป่าสนสีเขียว แต่ในช่วงฤดูหนาว พื้นน้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง ป่าสนจะถูกปกคลุมด้วยหิมะ 
ดูเป็นสีขาวโพลนไปทั่วบริเวณ ความงดงามประดุจภาพที่วาดไว้อย่างวิจิตรบรรจงดั่งนี้เอง จึงถูกกล่าวขานว่าเป็น “โค้งทองแห่งเส้นทางเอกไซบีเรีย” เราจะเที่ยวกันที่เมืองเอียร์คุตสก์ เมืองสำคัญแห่งหนึ่งของไซบีเรียตอนใต้ที่ได้สมญาเปรียบเป็น “กรุงปารีสแห่งไซบีเรีย” และพลาดไม่ได้เลยหากมาเยือนไซบีเรียคือ "ทะเลสาบไบคาล" ทะเลสาบน้ำจืดที่ลึกที่สุดในโลกอันเลื่องชื่อถูกขนานนามว่าเป็น “ดวงตาสีฟ้าแห่งไซบีเรีย” ภาพน้ำทะเลสีฟ้าแกมเขียวตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าสะท้อนความงดงามที่ผู้มาเยือนยากจะลืมเลือน ความสวยงามของทะเลสาบไบคาล ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติในปี ค.ศ.1996

นั่งรถไฟพอหอมปากหอมคอ แล้วต่อด้วยบินตรงจากเอียร์คุสตก์ไปยังเมืองท่าทางตะวันออกสุดของรัสเซีย วลาดิวอสต็อก เมืองท่าสุดชายขอบของเส้นทางรถไฟทรานส์ไซบีเรีย
การเดินทางที่เป็นประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ หากได้สัมผัสสักครั้งหนึ่งในชีวิต 

Top