- 06.15 น. พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ณ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตูทางเข้าที่ 7 แถว Qเคาน์เตอร์เช็คอินสายการบิน โอมานแอร์ โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินด้านสัมภาระและเอกสารให้กับท่าน09.15 น. ออกเดินทางสู่กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน โดยสายการบิน โอมานแอร์ โดยเที่ยวบิน WY 818 (ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง)12.35 น. เดินทางถึงกรุงมัสกัต (Muscat) นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กรุงมัสกัต (Muscat) มุ่งตรงไปยังเขตเมืองเก่าของกรุงมัสกัต จากนั้นให้ท่านได้แวะถ่ายภาพ พระราชวัง อัล อาลาม พาเลซ (Al Alam Palace) เป็นพระราชวังที่ประทับของสุลต่าน คาบูส ซึ่งด้านข้างจะเป็นป้อมโบราณของโปรตุเกส มิรานี และ จาลาลี (MIRANI & JALALI) สร้างในศตวรรษที่ 16 ตัวป้อมมิรานี เป็นป้อมเดิมที่สร้างก่อนโปรตุเกสจะมาถึง ในปีค.ศ. 1588 โปรตุเกสได้ปรับปรุงป้อมแห่งนี้ใหม่ เพิ่มบริเวณที่เก็บของ ห้องพักและห้องทำพิธีทางศาสนาแก่ผู้ปกครอง ส่วนที่เห็นในปัจจุบันเป็นการขยายในศตวรรษที่ 18 โดยอิหม่ามอาห์เมด บิน ซาอิด และหลานในศตวรรษที่ 19 ส่วนป้อมจาลาลีถูกเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์ในยุคของผู้ปกครองในปัจจุบัน และเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของกรุงมัสกัต จากนั้นชม พิพิธภัณฑ์ Bait Al Zubair สะท้อนให้เห็นถึงความร่ำรวยทางวัฒนธรรมและประเพณีของโอมาน เดิมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นบ้านของครอบครัว Al Zubair และได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์และเปิดให้เข้าชมในปี ค.ศ.1998 ภายในมีจัดแสดงเครื่องประดับ อาวุธ สิ่งของเครื่องใช้ เครื่องแต่งกายและภาพถ่ายเก่าแก่จากนั้นอิสระให้ท่านเดินช้อปปิ้งที่ตลาดมูตรา (Muttrah Souk) ตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือใจ กลางเมืองเก่า (Old Muscat) เป็นเป็นตลาดเก่าแก่ สถาปัตยกรรมตัวตลาดเป็นแบบอาหรับร่วมสมัย เต็มไปด้วยร้านค้าของโบราณ ผ้าพื้นเมือง เครื่องเงิน เครื่องเทศ และร้านกาแฟค่ำ รับประทานอาหารค่ำพักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรมที่พัก GRAND MILLENNIUM HOTEL – 5* หรือเทียบเท่า
ทัวร์โอมาน
ทัวร์
ตะวันออกกลาง
ระยะเวลา
6 วัน
สายการบิน
วันเดินทาง
19-24 กุมภาพันธ์ / 13-17 มีนาคม / 11-16 เมษายน 2563
Hilight
มัสกัต-วาดิชาบ-โอเอซิสวาดีบานิ คาลิด-วาฮิบา-จีเบล อักเดอร์-นิซวา-จาเบล แชมส์
- เยือนกรุงมัสกัต เมืองหลวงสถาปัตยกรรมอาหรับอันรุ่มรวย
- ชมหลุมน้ำบิมมาซิงก์โฮลที่เกิดจากอุตกาบาตชนโลก
- ตื่นตากับหมู่บ้านวาดิชาบ หมู่บ้านเล็กๆในโอเอซิส
- วาดี บานิ คาลิดโอเอซิสกลางหุบเขาที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี
- ชมความงามของทะเลทรายวาฮิบาและวิถีเบดูอิน
- หุบเขาจีเบล อักห์ดาร์ เมืองกสิกรรมขั้นบันได
แผนการท่องเที่ยว
-
Day 11) วันแรก กรุงเทพฯ - มัสกัต (Muscat ) (-.-, D)
-
Day 22)วันที่สอง มัสกัต - วาดิชาบ (Wadi Shab) – ราส อัล ฮัดด์ (Ras Al Hadd) (B,L,D )
- เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรมนำท่านเที่ยวชมสุเหร่าประจำกรุงมัสกัต (GRAND MOSQUE) นับว่าเป็นสุเหร่าที่มีความสวยงามและสำคัญต่อประเทศโอมาน เป็นสุเหร่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศโอมาน ภายในสุเหร่าแห่งนี้ท่านจะได้เห็น พรมทอมือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีขนาด 70X60 เมตร มีน้ำหนักถึง 21 ตัน ใช้ช่างฝีมือที่เป็นผู้หญิงในการถักทอถึง 600 คน และใช้ระยะเวลาในการทอกว่าจะแล้วเสร็จถึง 4 ปี ในส่วนทางเดินทางที่เชื่อมต่อกันแต่ละห้องนั้นจะถูกประดับประดาไปด้วยกระจกสีต่างๆ สวยงามมาก (นักท่องเที่ยวจะต้องแต่งกายให้เรียบร้อย สุภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สุภาพสตรีจะต้องกายให้สุภาพและมิดชิดที่สุด จะต้องมีผ้าคลุมศีรษะ ถ้าท่านได้เคยเดินทางไปอิหร่านก็จะเป็นชนิดเดียวกัน เพื่อเป็นการเคารพสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์)จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองซูร์ (Sur) เพื่อชมหลุมน้ำบิมมาซิงก์โฮล (Bimmah Sinkhole) เกิดจากแผ่นดินทรุดจนทำให้เกินหลุม และมีน้ำทะเลไหลซึมเข้ามาเนื่องที่นี่ใกล้กับทะเล ทำให้น้ำ ในหลุมแห่งนี้มีสีเขียวในสวยงาม หากมองจากปากหลุมแล้วดูสวยอลังการ หลุมน้ำแห่งนี้ยังเชื่อกันว่าเป็นหลุมที่ถูกอุกกาบาตตกลงมาทำให้เป็นหลุมกว้างกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันบ่าย เดินทางต่อไปยังเมืองราส อัลฮัด (Ras Al Hadd) ระหว่างทางชมความงามของหุบเขาวาดิตีวี (WadiTiwi) ที่เรียงรายไปด้วยต้นอินทผาลัม และเป็นเมืองที่มีด้านหนึ่งเป็นภูเขา และ อีกด้านหนึ่งเป็นมหาสมุทร จากนั้นจะผ่านหมู่บานเล็กๆ และเมืองวาดิชาบ (Wadi Shaab) ซึ่งเป็นเมืองที่มีโอเอซิสที่นาทึ่ง เต็มไปด้วยต้นปาล์ม และ ต้นกล้วย ท่ามกลางช่องแคบที่อยู่ระหว่างภูเขาหินสูงชัน และมีแหล่งน้ำาธรรมชาติเดินทางต่อไปยังเมืองราส อัลฮัด (Ras Al Hadd) นำท่านไปยัง Rad Al Jinz เพื่อชมเต่าตนุวางไข่บนชายหาด ในเวลากลางคืน เต่าจะขึ้นฝั่งขุดหลุมทราย วางไข่ แล้วกลบอย่างดีก่อนกลับลงสูทะเล เต่าตัวหนึ่งอาจวางไข่ถึง 100 ฟอง และ 60 วันไข่จะฟักเป็นลูกเต่าเล็กๆ มุดออกมา แล้วรีบคลานสู่ทองทะเลอันปลอดภัยค่ำ รับประทานอาหารค่ำพักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม RAS AL JINZ TURTLE RESERVE HOTEL - 3* หรือเทียบเท่า
-
Day 33)วันที่สาม วาดี บานิ คาลิด (Wadi Bani Khalid) - วาฮิบา (Wahiba) (B,L,D)
- เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรมนำท่านเดินทาสู่วาดี บานิ คาลิด (Wadi Bani Khalid) โอเอซิสกลางหุบเขาที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี เป็นหุบเขาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโอมานและเป็นที่นิยมมาพักผ่อนและมีธรรมชาติที่สวยงามเพราะน้ำที่ไหลมาจากภูเขามารวมกันเป็นน้ำใสที่ดูเหมือนเป็นสระน้ำกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันบ่าย เดินทางสู่ทะเลทรายวาฮิบา (Wahiba Desert) ระหว่างทางจะเห็นชนเผ่าเบดูอิน และวีถีชีวิตของชนเผ่าเร่ร่อนที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทะเลทรายที่มีความสวยงาม ชมวิวพระอาทิตย์ตกกลางทะเลทรายในยามเย็นในที่พักเย็น รับประทานอาหารเย็นพักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรมที่พักDESERT NIGHT CAMP หรือเทียบเท่า
-
Day 44)วันที่สี่ วาฮิบา (Wahiba) - จีเบล อักเดอร์ (Jebel Akhdar) (B,L,D)
- เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรมนำท่านเดินทางสู่ หุบเขาจีเบล อักห์ดาร์ (Jebel Akhdar) เป็นที่ราบสูงเหนือระดับน้ำทะเล 2,000 เมตร มีภูมิประเทศเป็นเนินเขาลาดชัน มีอุณหภูมิที่เย็นและปริมาณน้ำฝนมากกว่าพื้นที่อื่นๆในประเทศโอมาน ที่ราบสูงนี้มีการทำเกษตรกรรมแบบขั้นบันได ทำให้สามารถเห็นพื้นที่เขียวขจีในหุบเขาแห่งนี้กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันบ่าย นำท่านเดินทางสู่ Wadi Bani Habib เพื่อถ่ายรูปจุดชมวิวที่สูงที่สุดของ หุบเขา Jebel Akhdar ระหว่างทางท่านจะได้เห็นบ้านที่เรียงซ้อนกันอยู่บนภูเขา ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่ที่พัก ANANTARA AL JABAL AL AKHDAR RESORT เป็นรีสอร์ทที่ตั้งอยู่บนภูเขาซึ่งรายล้อมไปด้วยวิวภูเขาอันสวยงามเย็น รับประทานอาหารเย็นเข้าสู่โรงแรมที่พักANANTARA AL JABAL AL AKHDAR RESORT – 5 * หรือเทียบเท่า
-
Day 55) วันที่ห้า จีเบล อักเดอร์ (Jebel Akhdar) -นิซวา (Nizwa) - มัสกัต (Muscat) (B,L,-)
- เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรมออกเดินทางไปยัง เมืองนิซวา (Nizwa) ซึ่งตั้งอยู่ต้นหุบเขาซูเมล อันเป็นเมืองหลวงเก่าแห่งอาณาจักรอิหม่ามกว่า 300 ปีที่ถูกด้วยขุนเขาและการอนุรักษ์ที่ดียิ่ง โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาเมืองนี้แทบไม่ มีการเปลี่ยนแปลง รายล้อมด้วยกำแพงดินสี่เหลี่ยมจัตุรัส และบ้านที่มีทางเข้าเป็นประตูไม้กับบันไดนำท่านชมป้อมนิซวา (Nizwa Fort) ที่สร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 17 ในยุคของอิหม่ามซุลตาน บินซาอิฟ โดยใช้เวลาในการสร้างกว่า 12 ปี ป้อมแห่งนี้เป็นป้อมที่ใหญ่โตมีหอคอยทรงกลมขนาดมหึมาที่มีฐานลึกถึง 30 เมตรเพื่อต้านทานแรงสะเทือนจากปืนใหญ่ และมีแท่นปืนใหญ่กว่า 400 แท่น เมื่อท่านขึ้นไปที่ยอดของป้อมแล้วจะสามารถมองเห็นมัสยิดโดมสีน้ำเงินที่โดดเด่น เมื่อมองไกลออกไปก็จะเห็นภูเขาบัลเชมส์ที่มีความสูงกว่า 3,000 เมตร นับว่าเป็นจุดที่สูงที่สุดในคาบสมุทรอาหรับตะวันออกกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันบ่าย นำท่านเดินทางสู่ จาเบล แชมส์ (Jabel Shams) เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจสำหรับผู้มาเยือนโอมาน ที่นี่มีทิวทัศน์ของหุบเขา Al Nakhr Canyon ที่ตั้งตระหง่านจึงทีฉายาว่าเป็น Mini Grand Canyon of Oman เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศโอมาน Jabel Shams เป็นภาษอาหรับ แปลว่า “Sun Mountain” เพราะเป็นสถานที่แรกที่ได้รับแสงพระอาทิตย์ขึ้นในประเทศโอมาน เนื่องจากเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศโอมานเดินทางสู่เมืองมัสกัต (Muscat) ระหว่างทางแวะถ่ายรูปที่ Wadi Nakher และ Wadi Ghul ได้เวลาสมควรเดินทางต่อสู่เมืองมัสกัต เพื่อเดินทางสู่สนามบิน22.05 น. เดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบิน โอมาน แอร์ เที่ยวบินที่ WY 817
-
Day 66)วันที่หก กรุงเทพฯ
- 06.45 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
Gallery