ทัวร์ภูฏาน
ทัวร์
เอเชีย
ระยะเวลา
5 วัน 4 คืน
สายการบิน
วันเดินทาง
11-15 ก.พ. / 5-9 เม.ย. / 28 เม.ย. – 2 พ.ค. 2567
Hilight

ภูฏาน ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า Believe & Happiness Bhutan 5 วัน ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปเยือน ภูฏาน ประเทศแห่งความสุขนิยม ความสุขมวลรวมประชาชาติเป็นดัชนีวัดความเป็นอยู่ที่ดีของาชาวภูฏาน สุขที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ขอเชิญชวนนักเดินทาง เที่ยวภูฏาน พิชิตวัดทักซัง ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกประจำปี 2023 ทัวร์ภูฏาน นี้ที่เที่ยวครบทุกเมืองสำคัญ พาโร ทิมพู ปูนาคา พาไปชม ปูนาคาซอง ป้อมปราการที่สวยที่สุดในภูฏาน พาชมวิว เทือกเขาหิมาลัย แบบพาโนรามาสวยสะกดทุกสายตา และมาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่คาร์บอนไดออกไซด์ติดลบประเทศแรกในโลก มาเที่ยวภูฏานกับเรา โกลบอล ฮอิลเดย์ นำท่านพักโรงแรมระดับสี่ดาวคุณภาพนับเป็น ทัวร์ภูฏานที่ดีที่สุด จัดรายการท่องเที่ยวที่พาไปครบคุ้มค่า มาสัมผัสมนต์เสน่ห์ ความเชื่อ และความสุขที่ ภูฏาน

แผนการท่องเที่ยว
  • Day 1
    กรุงเทพฯ - พาโร - ทิมพู
    • 03.50 น.    เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 10 เคาน์เตอร์ W  สายการบินดรุกแอร์ ( Druk Air ) เป็นสายการบินแห่งชาติของประเทศภูฏาน เพื่อทำการเช็คอินก่อนขึ้นเครื่อง
      06.50 น.  เหินฟ้าสู่ เมืองพาโร ประเทศภูฏาน โดยเที่ยวบินที่ KB131 (06.50-10.00) พร้อมบริการอาหารบนเครื่อง
      ใช้เวลาบินประมาณ 4.20 ชม. (เครื่องบินแวะจอดรับผู้โดยสารที่เมืองบักโดกร้า ประเทศอินเดีย ใช้เวลาประมาณ 40-45 นาที ดังนั้น ผู้โดยสารที่จะเดินทางไปเมืองพาโร ไม่ต้องลงจากเครื่อง)
      ก่อนเครื่องจะล่อนลงจอดที่สนามบินพาโร ท่านสามารถมองเห็น
      ความเขียวชอุ่มของภูเขา และบ้านเรือนของชาวภูฏานที่มีลักษณะคล้ายๆ กัน 
      10.10 น. เดินทางถึงสนามบินพาโร เมืองพาโร หลังจากผ่านพิธีการศุลกากรและตรวจคนเข้าเมืองแล้ว รับและตรวจกระเป๋าสัมภาระของท่านที่สายพานลำเลียงให้เรียบร้อย  และเตรียมแลกเงินให้เป็นเงินสกุลนูทรัมให้เพียงพอกับความต้องการที่เคาน์เตอร์ธนาคารในอาคารสนามบิน 
      นำท่านเดินทางสู่เมือง ทิมพู โดยทางรถยนต์ ( ระยะทางประมาณ  54  กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมง ) ระหว่างทางท่านสามารถมองเห็นทัศนียภาพอันสวยงามของภูฏานและท่านจะตื่นตาตื่นใจสถาปัตยกรรมที่มีรูปแบบ


      เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของภูฏานที่จะได้พบเห็นตลอดสองข้างทาง ระหว่างทางแวะถ่ายรูป วัดตัมโช (Tamchoe Monastery) ซึ่งมีสะพานเหล็กทอดไปอีกฝั่ง เป็นวัดที่สร้างโดยพระลามะทิเบตที่ต้องการมาหาแร่เหล็ก และท่านก็เป็นผู้คิดค้นการทำโซ่เหล็กเป็นครั้งแรก ซึ่งท่านสามารถเห็นในพิพิธภัณฑ์พาโรด้วย  
      จากนั้นแวะที่ ด่านชูซอม บริเวณจุดที่แม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกัน ชมสถูป 3 รูปแบบที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ เป็นสถูปที่นิยมสร้างในดินแดนเทือกเขาหิมาลัย  (ในบริเวณเดียวกัน ยังมีเส้นทางที่ตัดไปยังประเทศอินเดียที่ด่านพุนโชลิง ซึ่งในสมัยภูฏานเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติเข้ามาทางบกก็ได้ใช้เส้นทางนี้) ก่อนถึงเมืองทิมพู ท่านจะเห็นได้ถึงความแตกต่างมากขึ้นในการก่อสร้างบ้านเรือนที่เพิ่มขึ้นอันเป็นผลพวงจากการพัฒนาประเทศ ซึ่งเมืองหลวงแห่งนี้มีความเจริญมากที่สุด   
      เดินทางถึง เมืองทิมพู  เมืองหลวงของประเทศภูฏาน นำท่านไปกราบนมัสการพระศรีศากยมุนีปางนั่งขัดสมาธิที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งประดิษฐานกลางแจ้ง (Buddha Dorderma) บริเวณยอดเขาในเมืองทิมพูเพื่อความเป็นสิริมงคล  ที่นี่ยังถือว่าเป็นจุดชมวิวของเมืองทิมพูอีกแห่งหนึ่ง
      นำชม Memorial Chorten  หรือมหาสถูปที่พระเจ้าจิกมี ดอร์จี วังชุก พระองค์เป็นมหากษัตริย์องค์ที่ 3 ที่ปกครองภูฏานในช่วงปี ค.ศ. 1952-1972 และทรงได้รับพระฉายาว่า “พระบิดาแห่งภูฏานยุคใหม่” (King of Modernization) มีพระราชประสงค์จะสร้างเพื่อเป็นการถวายเป็นพุทธบูชา แทนสัญลักษณ์ กาย วาจา และใจแห่งพุทธศาสนา  แต่ท่านได้เสียชีวิตลงเสียก่อน ต่อมาสมเด็จพระราชินีจึงได้ดำเนินการสร้างต่อจนแล้วเสร็จ   
      นำชม วัดชันกังคา  (Changangkha Temple) วัดนี้เป็นวัดที่เก่าแก่ซึ่งถูกสร้างใน ค.ศ.ที่ 14 หรือกว่า 600 ปีที่แล้ว วัดนี้ชาวภูฏานมักจะนำเด็กเล็กๆมากราบไหว้ขอพรและตั้งชื่อให้กับเด็ก เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรงและไม่ฝันร้ายในยามนอนหลับ ภายในอาคารวิหารมีจิตรกรรมสีฝาผนังที่เก่าแก่เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์ในพุทธศาสนานิกายวัชรยาน
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      จากนั้นพาท่านชม เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ตาคิน (Takin Zoo) เป็นสถานที่อนุรักษ์สัตว์ประจำชาติของภูฏานซึ่งเรียกว่า ตาคิน (Takin) เป็นสัตว์ที่หายากสามารถพบได้เฉพาะที่ภูฏานในระดับความสูง 3,000 เมตรขึ้นไป ลองไปรับฟังเรื่องราวที่มาของสัตว์ตัวนี้ดูได้จากไกด์ท้องถิ่น  แล้วพาชม วัดแม่ชีซิลูคา (Zilukha Nunnary) ซึ่งเป็นวัดแห่งเดียวในทิมพูที่มีแม่ชีจำวัดและศึกษาเล่าเรียนพระธรรมอยู่ 
      เย็น    นำท่านชม ตาชิโชซอง (Tashicho Dzong) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองทิมพู ซองแห่งนี้มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากและใหญ่โต ปัจจุบันถูกใช้แยกเป็นส่วนต่างๆ เช่น สถานที่ทำงานของพระมหากษัตริย์  สถานที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชในช่วงฤดูร้อน  ตลอดจนสถานที่ทำการของรัฐบาลและรัฐสภา เป็นต้น  
      นำท่าน เดินเล่นในตัวเมืองทิมพู  ท่านจะรู้สึกถึงความเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมการแต่งกาย ตลอดจนมิตรไมตรีจิตของผู้คน โดยชาวภูฏานจะแต่งกายด้วยชุดประจำชาติ ซึ่งผู้ชายแต่งชุดที่เรียกว่า โค (Kho) ส่วนผู้หญิงแต่งชุดที่เรียกว่า คีรา (Kira) ท่านสามารถจับจ่ายซื้อของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ อาทิเช่น  ผ้าทอภูฏาน  ภาพพระบฏ (Thangka) เครื่องประดับเงิน หนังสือหรือแสตมป์ที่ระลึกในรูปแบบต่างๆ  ภูฏานจัดเป็นประเทศ “เจ้าแห่งแสตมป์”  
      แห่งหนึ่งของโลก แสตมป์ของภูฏานจะมีให้เลือกในรูปแบบและราคาที่หลากหลาย ทั้งรูปวิวทิวทัศน์ธรรมชาติ รูปวัดอารามและพระราชวัง(ซอง) รูปสัตว์ รูปดอกไม้ต่างๆ รวมทั้งยังมีแสตมป์แบบ 3 มิติ อีกด้วย
      *หมายเหตุ : ก่อนอื่นคงต้องขอพูดถึงเรื่องของซอง  (Dzong)  เสียก่อน  มาภูฏานสิ่งที่นักท่องเที่ยวจะได้พบเห็นและได้ยินบ่อยๆ  คือ  ซอง  เพราะ “ซอง”  ไม่ใช่เป็นเพียงสถาปัตยกรรมที่มีความสำคัญกับด้านการบริหารการปกครองบ้านเมืองเท่านั้น หากแต่เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนภูฏาน  เนื่องจากเป็นที่ตั้งของวัดหลักประจำท้องถิ่น
      เขตนั้นๆ  หากแปลความหมายของซอง ซึ่งเป็นภาษาซองคา  ก็คือ  ป้อมปราการ  ที่ในอดีตใช้เป็นที่ใช้ป้องกัน
      อริศัตรูที่มารุกรานแผ่นดินแห่งนี้นั่นเอง



      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ 
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Osel Hotel, Thimphu 4*  หรือเทียบเท่า






  • Day 2
    ทิมพู - ปูนาคา
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
        นำท่านออกเดินทางไปทางทิศตะวันออกของเมืองทิมพู สู่ เมืองปูนาคา ( ระยะทางประมาณ  77  กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมง ) ระหว่างทาง แวะถ่ายภาพ ซิมโตคาซอง วิทยาลัยแห่งแรกในภูฏาน  บนเส้นทางสู่เมืองปูนาคา ท่านสามารถชมทิวทัศน์ของภูเขาสูงสลับกับแม่น้ำลำธารน้อยใหญ่ที่ใสสะอาด ตามข้างทางจะเห็นดอกกุหลาบพันปี  (Rhododendron) ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม การทำสวนแอปเปิ้ล และกงล้อมนตราที่หมุนโดยใช้พลังน้ำ ระหว่างกลางทาง เราจะแวะพักจุดที่สูงที่สุดบนเส้นทางนี้ที่ ดอร์ชูลา ( Dorchula Pass ) ในระดับความสูง 3,150 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นช่องเขาที่สามารถมองเห็นแนวเทือกเขาหิมาลัยได้ ในบางวันอาจเห็นทะเลหมอกปกคลุมอยู่ทั่วไป และยังเป็นที่ตั้งของมหาสถูป 108 องค์อีกด้วย 
      เดินทางต่อไปยังเมืองปูนาคา  ปูนาคา อดีตราชธานีของภูฏาน ตั้งแต่ปีค.ศ.1639-1955  ซึ่งสร้างและปกครองโดยท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล  (Shabdrung Ngawang Namgyal)  เป็นพระลามะจากทิเบตที่ธุดงค์มาถึงภูฏาน
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย หลังอาหาร นำท่านเดินเท้าไปชม วัดชิมิลาคัง (Chimi Lhakhang) วัดนี้ได้ถูกค้นพบในปีค.ศ.1499 โดยพระงาวัง ชอคเยล ชาวภูฏานนิยมมาไหว้ขอพรในเรื่องลูกและครอบครัว อาทิ ขอพรให้ประสบความสำเร็จในด้านความรัก ขอให้มีลูกสืบสกุล  จากนั้นนำท่านชม จุดชมวิวแม่น้ำโพและแม่น้ำโม ณ บริเวณด้านหน้าของปูนาคาซอง ที่เป็นจุดที่แม่น้ำโพ (Po Chu) และแม่น้ำโม (Mo Chu) ซึ่งหมายถึง แม่น้ำพ่อและแม่น้ำแม่ ทั้งสองสายไหลมาบรรจบกันพอดี  เป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากๆ  นำชม ปูนาคาซอง (Punakha Dzong) ซองแห่งนี้ได้ชื่อว่า เป็นซองที่สวยที่สุดในประเทศภูฏาน ซึ่งเป็นที่ประทับของพระสังฆราชในฤดูหนาวเนื่องจากปูนาคามีอากาศไม่หนาวเย็นจนเกินไป
        ด้วยเหตุที่เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในระดับความสูงเพียง 1,350 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลเท่านั้น  เมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ที่นี่จึงมีอากาศอบอุ่นกว่าในช่วงฤดูหนาว
      เย็น รับประทานอาหารเย็น
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก RKPO Green Resort , Punakha 4*  หรือเทียบเท่า

  • Day 3
    ปูนาคา - ทิมพู - พาโร
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      ออกเดินทางกลับสู่เมือง พาโร  ( ระยะทางประมาณ 131 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 4 ชั่วโมง ) ระหว่างทางขากลับแวะเที่ยวที่เมืองทิมพู ก่อนอำลาสู่เมืองหน้าด่านอย่างพาโร
      นำท่านเยี่ยมชม โรงเรียนสอนงานศิลปะ ( The Traditional Art  and Craft School )  ซึ่งท่านสามารถเห็นเด็กนักเรียนที่มีใจรักงานด้านศิลป์กำลังประดิษฐ์งานศิลปะแขนงต่างๆ เช่น การแกะสลักไม้ การปั้นพระพุทธรูปปูนปั้น  การวาดภาพพระบฏหรือภาพทังก้า (Thangka) อีกด้วย 
      ต่อด้วยการเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์พื้นบ้าน ( The Folk Heritage Museum ) ปิดท้ายด้วยการชม ที่ทำการไปรษณีย์ภูฏาน ( Post Office ) ซึ่งท่านสามารถเลือกซื้อดวงตราไปรษณียากรที่งดงามของภูฎาน มีให้เลือกหลายรูปแบบและราคา ทั้งรูปวิวทิวทัศน์ธรรมชาติ รูปวัดและป้อมปราการที่เรียกว่า ซอง (Dzong) รูปสัตว์ รูปดอกไม้ต่างๆ รวมทั้งยังมีสแตมป์สามมิติ เป็นต้น ที่นี่ท่านสามารถถ่ายรูปตัวเองเป็นตราไปรษณีย์ส่งกลับมาประเทศไทยได้อีกด้วย
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย หลังอาหารกลางวัน เดินทางต่อสู่เมืองพาโร 
      นำท่านชม พาโรซอง ( Rinchen Pung Dzong ) สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1645 ถูกสร้างบนพื้นที่ที่เด่นตระหง่านอยู่ใน
      หุบเขาพาโร ทางเข้าตัวซองจะมีสะพานไม้ที่สวยงามพาดผ่านแม่น้ำเพื่อเข้าสู่ตัวซอง ที่นี่เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Little Buddha อีกด้วย ปัจจุบันพาโรซองเป็นทั้งสถานที่สำหรับส่วนบริหารเมืองพาโรและส่วนที่
      เป็นวัด ซึ่งมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ประมาณ 200 รูป 
      เย็น นำท่าน เดินเล่นในตัวเมืองพาโร ในยามเย็นก่อนพระอาทิตย์อัสดง
      รับประทานอาหารเย็น 
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Raven Nest Resort, Paro 4*  หรือเทียบเท่า
  • Day 4
    พาโร - วัดทักซัง - วัดคิชู - ตาซอง
    • เช้า     รับประทานอาหารที่โรงแรม
      นำท่านเดินทางไปยังเชิงเขาเพื่อเตรียมตัวเดินขึ้นเขาไปสักการะวัดอันศักดิ์สิทธิ์ของประเทศภูฏาน ที่ถือว่าเป็นสถานที่ในการจาริกแสวงบุญของชาวพุทธวัชรยาน นั่นคือ วัดถ้ำเสื้อ หรือที่เรียกว่า วัดทักซัง ( Taktsang Monastery ) เรียกตามภาษาท้องถิ่น ชื่อทักซังนี้มีความหมายว่า เป็นที่อยู่รังของเสือ ( Tiger’s Nest ) ซึ่งตั้งตามตำนานความเชื่อเก่าของ


      วัดแห่งนี้กล่าวไว้ว่า เมื่อครั้งที่ท่านคุรุรินโปเช เข้ามาเผยแผ่ธรรมะในดินแดนแห่งนี้ ท่านได้แปลงร่างเป็นพญาครุฑขี่หลังเสือ ซึ่งเสือตัวนั้นก็คือร่างที่แปลงมาจากภรรยาของท่าน เหาะเหินขึ้นมาจำศีลภาวนา ณ ถ้ำเล็กๆบนหน้าผาแห่งนี้เป็นเวลากว่า 3 เดือน ต่อมาให้มีการสร้างวัดเพื่อให้พระที่มาปฏิบัติธรรมอยู่อาศัยและสร้างต่อๆ มาถึง 13 อาคาร  อาคารเหล่านี้เคยถูกไฟไหม้หลายหนแต่ก็บูรณะขึ้นมาใหม่
      ขอเชิญท่านพิสูจน์แรงศรัทธา แรงกายและแรงใจ ในการเดินขึ้นใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ( ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของแต่ละท่าน ) เพราะเมื่อท่านขึ้นมาถึงบริเวณก่อนถึงทางเข้าวัดแล้ว ท่านจะรู้สึกว่าคุ้มค่าแก่การเดินขึ้นมาอย่างยิ่ง สำหรับท่านที่ไม่สามารถเดินถึงอาคารวัดถ้ำเสือ ท่านอาจเดินขึ้นไปถึงบริเวณร้านอาหาร ( Cafeteria ) หรือจะนั่งม้าแคระแทนการเดินก็ได้ ( กรุณาแจ้งความประสงค์ล่วงหน้า ) ใช้เวลาขึ้นลงรวมทั้งสิ้นประมาณ 5-6 ชั่วโมง
      กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย    นำท่านเข้าชม วัดคิชู ( Kyichu Lhakhang ) ประกอบด้วยโบสถ์ 2 หลัง หลังเก่าได้สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าซองเซินกัมโป กษัตริย์แห่งอาณาจักรทิเบต  ตามความเชื่อเรื่องการสยบยักษีตนหนึ่งที่เอนกายนอนขัดขวางการเผยแผ่ศาสนาพุทธในดินแดนแถบเทือกเขาหิมาลัย  จึงโปรดให้สร้างวัดทั้งสิ้น 108 วัดภายในหนึ่งวัน เปรียบเสมือนการตอกหมุดลงบนร่างของนางยักษีตนนี้ โดยตำแหน่งของวัดสำคัญสองวัดที่สร้างอยู่ในภูฏาน คือ วัดจัมเบ ที่บุมทัง (Jambey Lhakhang) และ วัดคิชู (Kyichu Lhakhang) จะอยู่บนเข่าซ้ายและเท้าซ้ายตามลำดับ วัดแห่งนี้ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ส่วนโบสถ์หลังใหม่เป็นของสมเด็จย่าในกษัตริย์องค์ปัจจุบัน และในโบสถ์หลังเก่าพื้นปูด้วยไม้แผ่นใหญ่ มีพระประธานองค์ใหญ่ เบื้องหน้ามีรอยบุ๋มเนื่องจากมาจากการยืนและกราบพระในจุดเดียวกันเป็นเวลายาวนานตามอายุวัด   ซึ่งศาสนิกชนลัทธิลามะจะกราบแบบนอนราบพื้นอันเป็นการแสดงคารวะสูงสุด เรียกว่า กราบแบบ “อัษฎางคประดิษฐ์”  
      จากนั้นพาท่านไปที่จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สูงที่สุดเป็นอันดับสองในประเทศภูฏาน จูโมฮารี ( Jumohari Peak ) ที่มีความสูง 7,314 เมตร ยอดเขาปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี (หากท้องฟ้าเป็นใจ)
      นำชม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติในเมืองพาโร ซึ่งในอดีตเคยเป็นป้อมปราการหรือ ตาซอง ( Ta Dzong ) แต่ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี ค.ศ.1968 มีทั้งหมด 6 ชั้น  พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่เก็บรวบรวมเครื่องแต่งกาย  อาวุธ  
      เหรียญกษาปณ์  เครื่องมือเครื่องใช้ไม้สอย  สัตว์ป่าในแถบเทือกเขาหิมาลัยตลอดจนดวงตราไปรษณีย์ที่สวยงามมากมายหลายรูปแบบ
      เย็น รับประทานอาหารเย็น 
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก ในเมือง Raven Nest Resort, Paro 4*  หรือเทียบเท่า





              
  • Day 5
    พาโร - กรุงเทพฯ
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม เดินทางมุ่งหน้าตรงไปยังสนามบินพาโร เพื่อเตรียมตัวเช็คอินสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ 
      11.00 น.  เหินฟ้ากลับสู่ กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ KB120 (11.00-16.10) พร้อมบริการอาหารบนเครื่อง  
      ใช้เวลาบินประมาณ 4.10 ชม. (เครื่องบินแวะจอดรับผู้โดยสารที่เมืองบักโดกร้า ประเทศอินเดีย ใช้เวลาประมาณ 40-45 นาที ดังนั้น ผู้โดยสารที่จะเดินทางกลับมาประเทศไทย ไม่ต้องลงจากเครื่อง)
      16.10 น.  ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจและความทรงจำที่ดี
Top