- 10.00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์สายการบินเติร์กเมนิสถาน ประตูทางเข้าที่ 3 แถว Dเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินและโหลดกระเป๋า13.00 น. เหินฟ้าสู่เมืองอาซกาบัตด้วยเที่ยวบิน T5-648 BKK-ASB (1300-1820) ใช้เวลาบิน 7.30 ชม.18.20 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติอาซกาบัต (Ashgabat Airport หรือ Saparmurat Turkmenbashy International Airport) ประเทศเติร์กเมนิสถาน (Turkmenistan) เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียกลาง มีพรมแดนติดกับคาซัคสถาน อุซเบกิสถาน อัฟกานิสถาน อิหร่าน และมีพื้นที่ชายฝั่งติดทะเลสาบแคสเปียน ยาวถึง 1,768 กิโลเมตร ประเทศเติร์กเมนิสถานเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต และได้รับเอกราชเมื่อ วันที่ 27ตุลาคม 1991 แบ่งการปกครองเป็น 5 จังหวัด กับ 1 นครอิสระ ได้แก่ กรุงอาชกาบัต (Ashgabat) จังหวัดอะฮัล (Ahal) จังหวัดบัลคัน (Balkan) จังหวัดดัชโชวุซ (Dashhowuz) จังหวัดเลบัป (Lebab) และจังหวัดมารี (Mary) หลังผ่านตรวจคนเข้าเมืองนำท่านสู่ที่พักโรงแรมค่ำ รับประทานอาหารค่ำ นำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม YYLDYZ HOTEL, ASHGABAT 5* หรือเทียบเท่า --- 1
อุซเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน ทาจิกิสถาน คีร์กิสถาน และ คาซัค

ทัวร์
เอเชียกลาง
ระยะเวลา
19 วัน 17 คืน
สายการบิน

วันเดินทาง
1-19 กันยายน 2563
Hilight
ทัวร์สายไหมทัวร์เอเชียกลางไปกับโกลบอล ฮอลิเดย์ ขอนำท่านบุก เบิกเส้นทางสายไหมในเอเชียกลางเดินทางสู่ศูนย์กลางของ เส้นทางสายไหม ที่ประเทศอุซเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน ทาจิกิสถาน คีร์กิสถาน และ คาซัคสถาน
ทาจิกิสถาน เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลและเป็นประเทศที่เล็กที่สุดในเอเชียกลางโดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง และมากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศที่มีระดับความสูงกว่า 3,000 เมตร (9,800 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล เฉพาะพื้นที่ที่สำคัญในภาคเหนือ และในภาคใต้มีพื้นที่ต่ำ จึงได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม ที่พบหลักฐานว่าบนเส้นทางนี้เป็นจุดศูนย์รวมของผู้คนต่างเชื้อชาติต่างศาสนา มีการขุดค้นพบทั้งวัด พระพุทธรูปแกะสลักของศาสนาพุทธ โบส์ถของศาสนาคริสต์ หรือแม้แต่วิหารบูชาไฟของศาสนาโซโรแอสเตอร์ ก่อนมาถึงยุคที่ศาสนาอิสลามแผ่กระจายในแถบเอเชียกลาง เส้นทางการเดินทางในครั้งนี้ เรานำท่านไปชมหลักฐานการเผยแผ่ศาสนาพุทธที่เมืองโบราณ อจินาเทปปา (Ajina-Teppe) ชุมทางการค้าบนเส้นทางผ่านที่ราบสูง การเดินทางจะลัดเลาะไปตามถนนบนที่ราบเชิงเขา ซึ่งปัจจุบันเป็นแนวตะเข็บชายแดน สถานที่พักพิงบางเมืองจึงเป็นเพียงเกสต์เฮ้าส์ที่รับรองนักเดินทางได้ไม่มาก โปรแกรมนี้จึงเหมาะสำหรับนักเดินทางผู้ที่รักการผจญภัยอย่างแท้จริง ขอเชิญท่านร่วมค้นหาเรื่องราวประวัติศาสตร์อันยาวนานแห่งเอเชียกลาง บนเส้นทางหลวงปามีร์ เส้นทางที่ยังคงเสน่ห์ความงดงามของธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์อยู่
หมายเหตุ : เนื่องจากเส้นทางการเดินทางผ่านที่ราบสูง เทือกเขาสูง (3,378-4,655 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล) ท่านอาจมีอาการของโรคแพ้ความสูง ท่านที่มีปัญหาสุขภาพ โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หอบหืด โลหิตจาง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจจองทัวร์
แผนการท่องเที่ยว
-
Day 11) วันแรกของการเดินทาง กรุงเทพฯ – อาชกาบัต (ประเทศเติร์กเมนิสถาน) (D)
-
Day 22) วันที่สองของการเดินทาง อาชกาบัต (B,L,D)
- เช้า รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรมเมือง อาชกาบัต (Asgabat) เป็นภาษารัสเซีย มีความหมายว่า "เมืองแห่งความรัก" เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเติร์กเมนิสถาน มีประชากรประมาณ 1 ล้านคน อาชกาบัตตั้งอยู่ระหว่างทะเลทรายคาราคุม และเชิงเขาโคเปท แด็ก (Kopet Dag) เมืองเริ่มก่อตั้งในปี ค.ศ. 1881 มีการสร้างป้อมปราการทางทหารขนาดเล็กห่างจากหมู่บ้านไม่ไกล ต่อมาในปี ค.ศ. 1885 มีการสร้างทางรถไฟผ่านมาในพื้นที่ทำให้เกิดชุมชนเล็กๆและขยายตัวขึ้น ต่อมาเกิดสงครามยุคล่าอาณานิคมของรัสเซีย อาชกาบัต มีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่สะดวกสบาย จึงกลายเป็นจุดแลกเปลี่ยนและขนส่งสินค้าที่สำคัญ ในปี ค.ศ. 1948 เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง บ้านเมืองถูกทำลายโดยสิ้นเชิง มีผู้เสียชีวิตประมาณ 110,000 คน หลังจากการปิดเมืองเพื่อการฟื้นฟูเมืองหลวงของเติร์กเมนิสถาน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต เมืองหลวงแห่งนี้กลับมาเป็นศูนย์รวมทางวัฒนธรรม การเมือง วิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย วิทยาลัย สถาบันการวิจัย โรงละคร พิพิธภัณฑ์ ตลอดจนสถานบันเทิงยามค่ำคืนเดินทางไปชม เมืองโบราณนิสา (Old Nisa) เมืองโบราณอดีตราชธานีในสมัยอาณาจักรปาเทียน ห่างจากเมืองอาชกาบัตไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เมืองนิสาคือเมืองหลวงแห่งแรกของอาณาจักรปาเทียน ก่อตั้งขึ้นโดยกษัตริย์อาซาเซสที่ 1 (Arsaces I) ครองราชย์ในช่วง 211-250 ก่อนคริสตกาล เมืองถูกทำลายลงจนราบคาบโดยพวกมองโกล ในช่วงศตวรรษที่ 13 ชมซากเมืองเก่าและป้อมปราการนิสา ซึ่งปัจจุบันองค์การยูเนสโก้ได้จัดให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 2007กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันชม พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ (National Museum of History and Ethnography) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีการรวบรวมโบราณวัตถุจากแหล่งอารยะธรรมโบราณทั่วประเทศ การจัดแสดงจะแบ่งเป็นส่วนๆโดยไล่ตามยุคต่างๆของอารยะธรรม เช่นยุคของอาณาจักรปาเทียน ยุคของอาณาจักรเมิรฟ เป็นต้น ภายในมีการจัดแสดงโบราณวัตถุมากกว่า 5 แสนชิ้น สิ่งที่เป็นจุดเด่นในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ คือ การเก็บรวบรวม ไรตัน (Rhyton) ซึ่งเป็นภาชนะที่ทำจากงาช้างแกะสลักลวดลายสวยงามมาก จากนั้นชม จัตุรัสเสรีภาพ (Independence Square) เป็นอนุสาวรีย์ที่แสดงเพื่อการประกาศอิสรภาพของประเทศ โดยรอบมีรูปั้นนของอดีตผู้นำของประเทศในยุคต่างๆ และมีการตกแต่งด้วยน้ำพุอย่างสวยงาม บริเวณจัตุรัสที่เป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญๆโดยรอบ เช่น พระราชวังของประธานาธิบดีเติร์กเมนบาชิ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงกลาโหมจากนั้นชม มัสยิดและสุสานของเติร์กเมนบาชิ (Spiritual Mosque and Mausoleum of Turkmenbashi) เป็นสถานที่ฝังศพของอดีตผู้นำคนสำคัญของประเทศ นายซาปามีรัท นิยาซอฟ (Saparmyrat Niyazov) ซึ่งถูกขนานนามเรียกว่า “เติร์กเมนบาชิ” (Turkmenbashi) จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเที่ยวใน ตลาด Green Bazarค่ำ รับประทานอาหารค่ำ พักผ่อนที่โรงแรม YYLDYZ HOTEL, ASHGABAT 5* หรือเทียบเท่า --- 2
-
Day 33) วันที่สามของการเดินทาง อาชกาบัต – ดาโชกุซ (B,L,D)
- เช้า รับประทานอาหารเช้า (อาจเป็นอาหารกล่อง)จากนั้นเดินทางสู่สนามบิน อาชกาบัต10.20 น. ออกเดินทางโดยสายการบิน Turkmenistan เที่ยวบินที่ T5-10311.10 น. เดินทางถึงเมือง ดาโชกุซ (Dashoguz ) เป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางจังหวัดดาโชกุซ อยู่ตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ มีชาวเมืองที่อาศัยอยู่หลายเชื้อชาติ เช่น เติร์กเมน อุซเบก คาราคาลปัค ตาต้าร์ พวกรัสเซียนกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันนำท่านเดินทางชมโบราณสถาน คูนยา อูร์เกนซ์ ( Kunya Urgench ) เมืองหลวงของ อาณาจักรโคเรสซั่มเหนือ Northern Khorezm ในเส้นทางโบราณของกองคาราวานระหว่างเมืองซามาร์คานด์ (Samarkand) กับทะเลแคสเปียนและรัสเซีย ในศตวรรษที่ 7 ต่อมาในปี ค.ศ. 955 ได้อยู่ภายใต้การปกครองของอาหรับ และมีความรุ่งเรืองจนกลายเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและการค้าขายในยุคกลาง เมื่อเกิดความมั่งคั่งจึงเป็นที่หมายปองของเหล่าผู้มีอำนาจ และโจรผู้ร้าย ซึ่งประมาณปี ค.ศ. 1221 พวกตาต้าร์มองโกลโดยการนำของ เจงกิส ข่าน ก็ได้เข้าปล้นสะดมสร้างความเสียหายแก่ คูนยา อูร์เกนช์ และต่อมาเมื่อปี ค.ศ. 1338 ได้ถูกเข้าโจมตี และทำให้สิ่งก่อสร้างอนุสรณ์สถานถูกทำลายเสียหาย แต่มีบางส่วนที่หลงเหลือให้ได้พบเห็นจนถึงปัจจุบัน โบราณสถานทางโบราณคดีแห่งนี้ที่ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ในปี ค.ศ. 2005จากนั้นเดินทางกลับ ดาโชกุซค่ำ รับประทานอาหารค่ำ นำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม DASHOGUZ HOTEL -4* หรือเทียบเท่า --- 3
-
Day 44) วันที่สี่ของการเดินทาง เติร์กเมนาบัต (ประเทศเติร์กเมนิสถาน) – คีว่า (ประเทศอุซเบกิสถาน) (B,L,D)
- เช้า รับประทานอาหารเช้าออกเดินทางสู่ด่านข้ามพรมแดนระหว่างเติร์กเมนิสถาน-อุซเบกิสถาน นำท่านลงจากรถเพื่อเดินเท้าระยะทางรวมประมาณ 500 เมตร ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองขาออกของเติร์กเมนิสถานและขาเข้าประเทศอุซเบกิสถานจากนั้นนำท่านขึ้นรถ เดินทางเข้าสู่เมืองคีว่าประเทศอุซเบกิสถาน (Uzbekistan) หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน (Republic of Uzbekistan) เป็นประเทศในเอเชียกลางที่ถูกล้อมรอบด้วยประเทศต่างๆที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล (Doubly landlocked country) มีพรมแดนติดกับประเทศ อัฟกานิสถาน คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน และเติร์กเมนิสถาน พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้ยึดครองดินแดนของประเทศอุซเบกิสถานเมื่อปี 367 ก่อนคริสตกาล ในภายหลังดินแดนนี้ได้ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิเปอร์เซียในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 6 ก่อนจะถูกยึดครองโดยจักรวรรดิ มองโกลของเจงกีสข่าน เมื่อ ค.ศ. 1220 ในศตวรรษที่ 13 ขุนศึกชื่อ ติเมอร์ (Timur หรือ Tamerlane) ได้มีอำนาจเหนือมองโกลและตั้งอาณาจักรติเมอร์ริดของตนเองขึ้น โดยสถาปนาเมืองซามาร์คานด์เป็นเมืองหลวง ซึ่งติเมอร์ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ในการสร้างชาติอุซเบกิสถานในยุคปัจจุบันกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันนำท่านชมเมืองคีว่าป้อมปราการ อิชานคาล่า ( Ichan – Kala) ซึ่งมีกำแพงหน าก่อด้วยอิฐที่ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ในช่วงศต.ที่ 20 กำแพงเมืองเก่ายาวรวม 2.5 กิโลเมตร สูง 7-8 เมตร ก่อขึ้นในศต.ที่ 18 อิชานคาล่า เป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเมืองคีว่าและเป็นมรดกโลกภายในป้อมมีสิ่งก่อสร้างสถาปัตยกรรมที่เป็อนุสาวรีย์ อนุสรณ์สถาน ราชวัง สุเหร่า มาดราซ่าห์ (โรงเรียนสอนศาสนา) หอคอย สถานฝังศพรวมมากกว่า 60 แห่งค่ำ รับประทานอาหารค่ำนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม ASIA KHIVA -3* หรือเทียบเท่า --- 4
-
Day 55) วันที่ห้าของการเดินทาง คีว่า - ทาชเค้นท์ (B,L,D)
- เช้า รับประทานอาหารเช้าจากนั้นเดินทางไปสนามบิน09.35 ออกเดินทางสู่เมืองทาชเค้นท์โดยสายการบินอุซเบกิสถาน เที่ยวบินที่ HY1052 (09.50-11.20) บิน 1.30 ชม.11.05 ถึงเมืองทาชเค้นท์กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันนำท่านชม จัตุรัสเสรีภาพ หรือ จัตุรัสมุสตาคิลลิก (Independence Square หรือ Mustakillik Square) เป็นหัวใจของเมืองทาชเค้นท์ เป็นสัญลักษณ์ของความอิสระ และอิสรภาพของคนในชาติ คนที่มาที่นี่มาด้วยความฝันและความหวัง ทางเดินเข้าสู่จัตุรัสถูกออกแบบด้วยประตูโค้งที่สวยงามกับรูปปั้นนกกระทุงแปดตัวบินขึ้นสู่ท้องฟ้าผ่านความหวังไปยังใจกลางของจัตุรัส และอีกด้านของจัตุรัสเป็นอนุสาวรีย์ของทหารและวีรชนที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่สองนำท่านชมเมืองทาชเค้นท์ในมุมสูงที่ หอคอยทีวี (TV Tower) ซึ่งเป็นหอทีวีที่สูงที่สุดในเอเชียกลาง ด้วยความสูงถึง 375 เมตร เริ่มเปิดให้เข้าชมในปี ค.ศ. 1985 จากนั้นนำท่านชม จัตุรัสคาสต์อิหม่าม ( Khast-Imam Square) เป็นศูนย์กลางศาสนาอิสลามของทาชเค้นท์ จัตุรัสกว้างใหญ่มีพิพิธภัณฑ์ ห้องสมุดโมอีมูบารักเป็นสถานที่สำคัญของทาชเค้นท์ ห้องโถงหน้าของพิพิธภัณฑ์เป็นห้องสำคัญ แสดงคัมภีร์อัลกุรอานของ อุตซมาน เป็นคัมภีร์ฉบับใหญ่ลายมือเขียน เขียนบนหนังกวางในศ.ต.ที่ 7 ถือเป็นคัมภีร์อัลกุรอานที่เก่าแก่ที่สุดในโลก จากนั้นเดินชมตลาดท้องถิ่นที่ ตลาด Chorsu Bazaar (Alayskyi Market) ซึ่งท่านสามารถหาซื้อผลไม้ตามฤดูกาล อาทิ เชอร์รี่ สตอร์เบอร์รี่ แอพริคอต แอปเปิ้ล และอื่นๆ ตลอดจนผลไม้ตากแห้งนานาชนิดค่ำ รับประทานอาหารค่ำนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม MIRAN INTERNATIONAL HOTEL - 4* หรือเทียบเท่า - - 5
-
Day 66) วันที่หกของการเดินทาง ทาชเค้นท์ – ด่านออยเบค – โฮจันด์ (ประเทศทาจิกิสถาน) (B,L,D)
- 07.00 รับประทานอาหารเช้าจากนั้นนำท่านเดินทางโดยรถ ลงไปทางทิศใต้ของเมืองทาชเค้นท์สู่ ชายแดนอุซเบกิสถาน-ทาจิกิซสถานที่ด่านออยเบค (ใช้เวลาประมาณ 1.30 – 2 ชั่วโมง) นำท่านผ่านการตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นนำท่านเดินทางต่อไปยังเมืองโฮจันด์ ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดซุกด์ (Soghd)เดินทางถึงเมืองโฮจันด์ เป็นเมืองใหญ่อันดับสองรองจากดูชานเบ บริเวณแม่น้ำซีดาโย เป็นเมืองเก่าแก่ที่ก่อตั้งขึ้นมาโดยอเล็กซานเดอร์มหาราช เพื่อเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชาวกรีกกับชนเผ่าไซเธียน เมื่อ 329 ปี ก่อนคริสตกาล ในช่วง ศตวรรษที่ 8 ถูกครอบครองโดยชาวอาหรับ ต่อมาถูกปกครองโดยเผ่ามองโกลกว่า 5 ศตวรรษ จนกระทั่งถึงยุคทาเมอเลน ผู้รวบรวมดินแดนแถบเอเชียกลาง และเป็นเมืองสำคัญบนเส้นทางการค้าของเส้นทางสายไหมในเวลาต่อมา จนในปี ค.ศ.1866 เอเชียกลางถูกรัสเซียยึดครองและเปลี่ยนชื่อเมืองนี้เป็น “เลนินอบาด” จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1939 และกลับมาใช้ชื่อเดิมหลังจากจักรวรรดิโซเวียตล่มสลายเมื่อปี 1922 นำชม ตลาดปันชานเบ บาซาร์ (Panchshanbe Bazaar) ตลาดพื้นเมืองขนาดใหญ่ที่มีความคึกคัก ตัวอาคารเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบนีโอ คลาสสิก ชม อนุสาวรีย์ของนักกวีเอก รูดากี้ (Rudaki Monument) ซึ่งเป็นกวีที่มีชื่อเสียงที่สุดในแถบเอเชียกลางกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันบ่าย จากนั้นนำท่านชม อนุสาวรีย์อิสมาอิล โซมานี (Ismail Somani Monument) ที่เป็นสัญลักษณ์ของการตั้งเมืองอันเป็นต้นกำเนิดของการสร้างประเทศทาจิกิซสถาน ชมอนุสรณ์สถานของกวีผู้ปกครองทาจิกิสถาน ในยุคศตวรรษที่ 12 (Mausoleum of Sheikh Muslihiddin) โครงสร้างสถาปัตยกรรมทำด้วยอิฐและดินเผาขนาดใหญ่และมีความซับซ้อน จากนั้นชมทะเลสาบเทียม Kayrakkum ที่สร้างขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำจากแม่น้ำ Syr-Daryo แหล่งน้ำธรรมชาติสำคัญของเมืองโฮจันด์ มีขนาดใหญ่ 55 กม. x 20 กม. ปัจจุบันเป็นแหล่งพันธุ์ปลา และสถานที่ตากอากาศในช่วงหน้าร้อน ชาวทาจิกเรียกทะเลสาบแห่งนี้ว่า ทะเลทาจิก (Tajik Sea) ชม พระราชวังวัฒนธรรมของอาร์บอบ (Arbob Cultural Palace)สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1950 เพื่อเป็นสำนักงานใหญ่ดูแลกิจการฟาร์มในยุคโซเวียต โดยจำลองแบบพระราชวังฤดูร้อนปีเตอร์ฮอล์ฟ ในเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์กค่ำ รับประทานอาหารค่ำนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม PARLIAMENT PALACE HOTEL - 4* หรือเทียบเท่า --- 6
-
Day 77) วันที่เจ็ดของการเดินทาง โฮจันด์ – อิสตาราพชาน (Istaravshan) - เพนจิเค้นท์ (Penjikent) (B,L,D)
- เช้า รับประทานอาหารเช้านำท่านชม พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ (Khojand Historical Museum) ที่เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองผ่านการจัดแสดงงานได้อย่างดี ชมปราสาททาเมมาริค (Temurmalik Castle หรือ Khojand Fortress) สร้างตามคำสั่งของผู้บัญชาการติเมอร์มาริค เพื่อต่อต้านกองทัพมองโกลที่ขยายอำนาจมาในดินแดนนี้ระหว่างปี ค.ศ. 1219-1220)จากนั้นออกเดินทางไปยัง เมืองอิสตาราพชาน (Istaravshan) ใช้เวลาประมาณ 1.30 – 2 ชั่วโมง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาเตอร์กิซสถาน เมืองที่เก่าแก่กว่า 2,500 ปี เมืองที่เคยเป็นที่พักกองคาราวานการค้าบนเส้นทางสายไหม จึงเป็นศูนย์รวมของศิลปิน ช่างฝีมือ และเป็นที่อยู่อาศัยของชนชั้นสูง จึงทำให้เมืองมีการสร้างอาคารสลับซับซ้อนและแกะสลักด้วยไม้อย่างสวยงาม นำท่านสำรวจ ปราสาทอิสทาราวาชาน (Istaravshan Castle) สร้างโดยกษัตริย์เปอร์เซีย สมัยราชวงศ์อะเคเมนิด ปัจจุบันเหลือเพียงซากกำแพงและป้อมปราการบางส่วน ท่านสามารถชมวิวทิวทัศน์ของเมืองจากด้านบนได้อย่างสวยงามกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันจากนั้นเดินทางต่อไปยังเมืองเพนจิเค้นท์ (ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง) ผ่านเมืองชาคริสถาน (Shahriston) ผ่านชมวิวเทือกเขาและและแม่น้ำซีรัฟชาน (Zeravshan River) และผ่านจุดสูงสุดระหว่างทางที่ Ayni Pass (ความสูง 3,378 เมตร)เย็น เดินทางถึงเพนจิเค้นท์ เมืองเพนจิเค้นท์ เคยเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรซอคเดียน (Sogdian) ตรงบริเวณหุบเขาซีรัฟชาน (Zeravshan Valley) (ซอคเดียน = คือกลุ่มคนที่พูดภาษาอิหร่าน ซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ที่อาศัยอยู่ในแถบเอเชียกลางในยุคก่อนการเข้ามาของศาสนาอิสลาม) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักของทาจิกิสถาน ที่ค้นพบซากอารยธรรมศาสนาโซโรอัสเตอร์ นำชม เมืองซารามซ์ (Saramz Ancient City) ซากเมืองโบราณต้นแบบของสังคมเมือง มีอายุเก่าแก่กว่า 5,500 ปี ที่เพิ่งขุดค้นพบในปี ค.ศ.1975 ยูเนสโก้ได้จดทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2010ค่ำ รับประทานอาหารค่ำนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม SUGD HOTEL -3* - หรือเทียบเท่า --- 7
-
Day 88) วันที่แปดของการเดินทาง เพนจิเค้นท์ (Penjikent) – ดูชานเบ (Dushanbe) (B,L,D)
- เช้า รับประทานอาหารเช้าออกเดินทางต่อไปยังเมืองดูชานเบ ระยะทาง 230 กิโลเมตร (ประมาณ 4-5 ชั่วโมง) ระหว่างทางชมทิวทัศน์ของเทือกเขา และแวะถ่ายรูประหว่างทางที่แอนซอบพาส (Anzob Pass) ความสูง 3,372 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล แล้วเดินทางต่อกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันระหว่างทางผ่านชมทิวทัศน์ของหุบเขาและแม่น้ำวาร์ซอบ (Varzob) จากนั้นเดินทางต่อถึง เมืองดูชานเบ (Dushanbe) ดูชานเบเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศทาจิกิสถาน คำว่า “ดูชานเบ”ในภาษาทาจิก มีความหมายว่า "วันจันทร์" ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นชื่อที่เป็นสถานที่ตั้งของหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงเรื่องตลาด วันจันทร์ นำท่านเช็คอินเข้าที่พัก จากนั้นนำท่านสำรวจเมืองดูชานเบด้วยการเดินเท้าชม พิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณและงานศิลปะ (Museum of National Antiquities) จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดของประเทศ ภายในจัดแสดงเรื่องราวผ่านวัตถุทางประวัตศาสตร์ร่วมสมัย แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือองค์พระพุทธรูปนอนยาว 13 เมตร ที่ได้มาจากอาจินา เทปเปเย็น รับประทานอาหารค่ำนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม SHERATON DUSHANBE - 5* หรือเทียบเท่า - -8
-
Day 99) วันที่เก้าของการเดินทาง ดูชานเบ (Dushanbe) (B,L,D)
- เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมนำท่านชมเมืองหลวงของประเทศทาจิกิสถาน ชม อนุสาวรีย์อิสมาอิล ซาโมนิ (Ismail Somani) เป็นผู้กอบกู้เอกราชให้แก่ประเทศทาจิกิซสถานนำท่านชม พระราชวัง Kohi Navruz เริ่มแรกสถาน ที่แห่งนี้ออกแบบมาเพื่อสร้างเป็น Tea Hous e แต่ในระหว่างก่อสร้างจึงได้เปลี่ยนเป็นการสร้างพระราชวังแห่งนี้ ภายในพระราชวังมี 12 ห้องโถง ในแต่ละห้องตกแต่งอย่างสวยงาม มีการตกแต่งด้วยหินแกะสลัก ไม้แกะสลักและกระเบื้อโมเสคแบบฟลอเรนซ์กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันนำท่านชม มัสยิด Haji Yakub Mosque และชม สวนสาธารณะรูดากิ (Rudaki Park) สถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวดูชานเบ ยามค่ำคืนมีน้ำพุดนตรีแสดง และใกล้กันเป็นที่ตั้งของ อาคารที่ทำการรัฐบาลอาคารใหม่ อาคารหอสมุดแห่งชาติ เดินต่อไปชม สวนสาธารณะมอสโคว และย่านดูชานเบเอเวนิว จากนั้นชม ตลาดกรีนมาร์เก็ต (Green Market) สำรวจสินค้าพืชผัก ผลไม้พื้นเมืองอันหลากหลายเย็น รับประทานอาหารค่ำเข้าสู่ที่พักโรงแรมเมือง SHERATON DUSHANBE- 5*หรือเทียบเท่า - - 9
-
Day 1010)วันที่สิบของการเดินทาง ดูชานเบ (Dushanbe) - คาลัยฮัม (Kalai Khumb ) (B,L,D)
- เช้า รับประทานอาหารเช้าออกเดินทางโดยรถจี๊ป (นั่งคันละ 3-4 ท่าน) สู่เส้นทางทางหลวงปามีร์ไฮเวย์ บนเทือกเขาปามีร์ ผ่านช่องทางฮาบูราบอท สูง 3,252 เมตร ชมวิวเทือกเขา และวิถีชีวิตของชาวทาจิกไปตลอดทาง จนสู่ เมืองคาลัยฮัม (Kalai – Khumb) เมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ในเขตกอร์โน (Gorno) จังหวัดบาดัคชาน ทางตอนใต้ของทาจิกิสถาน เมืองชายแดนที่ติดกับอัฟกานิสถาน คาลัยฮัมคือเมืองที่ทางหลวงปามีร์ไฮเวย์ มาบรรจบ กับแม่น้ำปัญจะกลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ระหว่างทางบ่าย จากนั้นชม ทะเลทาจิก (Tajik Sea) ที่สร้างขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำจากแม่น้ำ Syr-Daryo แหล่งน้ำธรรมชาติสำคัญ ของเมืองคูจานด์ มีขนาดใหญ่ 55 กม. x 20 กม. ปัจจุบันเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา และสถานที่ตากอากาศในช่วงหน้าร้อนค่ำ รับประทานอาหารค่ำนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม KARON PALACE-4* หรือเทียบเท่า - - 10
-
Day 1111) วันที่สิบเอ็ดของการเดินทาง คาลัยฮัม – โฮรอก (ความสูง 2,200 เมตร) (B,L,D)
- เช้า รับประทานอาหารเช้าออกเดินทางต่อโดยรถจี๊ปเลาะตะเข็บชายแดนทาจิกิซสถาน-อัฟกานิสถาน ชมทิวทัศน์สองข้างทางไปตามแม่น้ำปัญจะ บนปามีร์ไฮเวย์ สู่โฮรอกกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันชม เมืองโฮรอก (Khorog) (2,200 เมตร) ตั้งอยู่บนเนินเขาปามีร์ เป็นเมืองเอกของแคว้น Gorno - Badakshan (ตั้งแต่ ปี ค.ศ.1925) เป็นเมืองที่มีขนาดเล็กในหุบเขา มีถนนเชื่อมต่อโดยเส้นทางภูเขา ถนนจึงแคบมาก เมืองประกอบด้วยถนนเส้นเดียว จัดว่าเป็นแคว้นที่ยากจนที่สุดของประเทศ การบริหารขึ้นอยู่กับเงินรายได้จากมูลนิธิและองค์การการกุศล อย่างไรก็ดี เมืองโฮรอกมีมหาวิทยาลัยของตนเองที่ตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1992 มีโรงเรียน โรงพยาบาล แต่ที่สำคัญที่นี่ถูกล้อมรอบด้วยสีเขียวของสวนพฤกษศาสตร์ ที่รวบรวมพันธุ์ไม้นานาชนิด มีการปลูกต้นแอปเปิ้ล, ต้นแอปปริคอท และต้นไม้ใบหม่อนด้วย และจัดว่าเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่สูงอันดับสองของโลกอีกด้วยค่ำ รับประทานอาหารค่ำนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม LAL INN HOTEL, KHOROG - - 3* หรือเทียบเท่า 11
-
Day 1212) วันที่สิบสองของการเดินทาง โฮรอก – เมอแกบ (ความสูง 3,576 เมตร) (B,L,D)
- เช้า รับประทานอาหารเช้าเดินทางต่อบนทางหลวงปามีร์ (M41) ผ่าน Koi-Tezek Pass ที่ความสูง 4,272 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ผ่านเมืองอลิเชอร์ สู่เมืองเมอแกบ ระยะทาง 310 กม.กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันบ่ายๆ เดินทางถึง เมืองเมอแกบ (Murghab) ชื่อของเมืองมีความหมายว่า"แม่น้ำของนก" ในภาษาเปอร์เซียน เป็นเมืองหลวงของเขตเมอแกบในเทือกเขาปามีร์ เขตปกครองตนเองบาดัคชาน มีประชากรประมาณ 4,000 คน เมอแกบ เป็นเมืองที่มีความสำคัญที่สุดทางด้านตะวันออกของทาจิกิซสถาน และของอดีตสหภาพโซเวียต เป็นเมืองที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในทาจิกิสถาน ที่ 3,650 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล บริเวณที่ทางแยกของแม่น้ำเมอแกบและทางหลวงปามีร์ เป็นจุดเชื่อมต่อการค้าที่สำคัญ เพราะถนนทิศเหนือเชื่อมต่อประเทศคีร์กิซสถาน ส่วนด้านทิศตะวันออกผ่านไปทางด่านโคลมา จะเชื่อมต่อกับเส้นทางคาราโครัมย์ไฮเวย์ในประเทศจีนใกล้กับเมืองทัชเคอกันชมภาพเขียนยุคก่อนประวัติศาสตร์ (Ancient petroglyphs in the caves) เป็นภาพเขียนที่เกิดในช่วงเดียวกันของบนเส้นทางสายไหม ได้แก่เมืองสวาส เมืองกิลกิต เมืองฮุนซ่าค่ำ รับประทานอาหารค่ำเนื่องจากต่างจังหวัดประเทศทาจิกิสถานจะเป็นโรงแรมท้องถิ่น ที่พักส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักชาวบ้านที่เปิดแบ่งห้องให้นักท่องเที่ยวพักนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม PAMIR – 1* หรือเทียบเท่า - - 12เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องห้องพัก(ที่พักที่นี่จะต้องใช้ห้องอาบน้ำ และห้องน้ำรวม)
-
Day 1313) วันที่สิบสามของการเดินทาง เมอแกบ – ทะเลสาบคาราคูล (ประเทศทาจิกิสถาน) – ซารีทาช (ประเทศคีร์กิซสถาน) – โอซ (B,L,D)
- เช้า รับประทานอาหารเช้าออกเดินทางต่อไปทางทิศเหนือของทางหลวงปามีร์ ผ่าน Ak-Baital Pass ที่ระดับความสูง 4,655 เมตร และขับรถไปถึงจุดชมทัศนีย์ภาพของ ทะเลสาบคาราคูล (Karakul Lake หรือ Black Lake) ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 3,600 เมตร เป็นทะเลสาบที่ตั้งอยู่ในเขตอัคโต (Akto County) เขตปกครองตนเองคีซิลสุ เคอกิส บนทางหลวงปามีร์ และเส้นทางหลวงคาราโครัม ห่างจากชายแดนจีนเมืองคัชการ์ 196 กม.เป็นทะเลสาบที่สูงสุดของที่ราบสูงปามีร์ อยู่ใกล้ทางกับเทือกเขาเทียนชานและคุนลุน (Tian Shan และ Kunlun) ทะเลสาบถูกล้อมรอบด้วยภูเขาที่ยังคงปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดทั้งปี สามารถมองเห็นยอดเขาต่างๆ เช่น Muztagh ATA (7,546 เมตร) Kongur Tagh (7,649 เมตร) และ Kongur Tiube (7,530 เมตร) ทะเลสาบเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวสำหรับทัศนียภาพที่สวยงามและความคมชัดของภาพสะท้อนในน้ำที่มีสีเขียวเข้ม ตามชายฝั่งของทะเลสาบคาราคูล มีชาวเคอร์กิสตั้งถิ่นฐานอยู่บ้าง แวะเก็บภาพสวยงามแล้วเดินทางต่อกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันออกเดินทางต่อไปยังชายแดนทาจิกิซสถาน-คีร์กิซสถาน ที่ด่าน Kyzyl-Art Pass ระดับความสูง 4,282 เมตร ข้ามพรมแดนสู่ประเทศคีร์กิซสถาน ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นเปลี่ยนรถเป็นของประเทศคีร์กิสถาน และเดินทางต่อไปยังเมืองโอช (Osh) ผ่านเมืองซารีทาช (Sary – Tash) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ตรงทางแยกสำคัญบนทางหลวงปามีร์ในหุบเขาอเลย์ ( Alay Valley) แม้ว่าหมู่บ้านนี้จะอยู่ห่างไกล มีเพียงร้านกาแฟ ร้านค้า สถานีบริการน้ำมันและเกสต์เฮาส์ ไม่กี่แห่ง แต่ที่นี่คือแยกถนนที่สำคัญของถนนสาย M41 บนเส้นทางหลวงปามีร์เราเดินทางมุ่งทางทิศเหนือ ระยะทางประมาณ 185 กิโลเมตร ผ่านช่องทาง Taldyk Gulcha ความสูง 3,615 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ไปจนถึงเมืองโอช ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขาเฟอกาน่า (Ferghana Valley) กล่าวกันว่าระยะทางจากซารีทาชถึงโอช เป็นเส้นทางการขับรถที่สวยที่สุดในคีร์กิซสถาน (วันนี้จะนั่งรถประมาณ 12-13 ขั่วโมง)ค่ำ รับประทานอาหารค่ำนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม ORTO ASIA – 3* หรือเทียบเท่า - - 13
-
Day 1414) วันที่สิบสี่ของการเดินทาง โอช – บิชเคก (Bishkek) (B,L,D)
- เช้า รับประทานอาหารเช้าเมืองโอช ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของคีร์กิซสถาน มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 300,000 คน เป็นเมืองที่อยู่บนเส้นทางหลวงปามีร์และเป็นเมืองเริ่มต้นสำหรับนักไต่เขาในเขตเทือกเขาปามีร์ กล่าวกันว่าโอชเป็นเมืองโบราณที่เก่าแก่กว่าโรม ในปี ค.ศ. 2000 เมืองโอชมีการเฉลิมฉลองครบรอบ 3,000 ปีนำท่านชม พิพิธภัณฑ์เมืองโอช (Osh Museum) ซึ่งสร้างอยู่ในถ้ำในบริเวณ เขาสุไลมาน (Sulayman Moutain) เนินเขาศักดิ์สิทธิ์ใจกลางเมือง เขาสุไลมานแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยยูเนสโก้ (UNESCO WORLD HERITAGE SITE) ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆที่ค้นพบในบริเวณเมืองต่างๆโดยรอบ รวมทั้งภาพเขียนบนหินผนังถ้ำในยุคโบราณอีกด้วยจากนั้นนำชม เจมา บาซาร์ หรือ บาซาร์ตะวันออก (Jayma Bazaar or East Bazaar) เป็นตลาดที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียกลาง เป็นที่จำหน่ายสินค้าทุกชนิด รวมทั้งร้านค้าของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันบ่าย ชม มหาวิหารออร์โธดอกซ์รัสเซีย ( Russian Orthodox cathedral ) ก่อตั้งเมื่อปี 2452 หลังจากการสร้างใหม่และขยายจากอาคารโบสถ์แห่งแรกจากปี พ. ศ. 2420 ในช่วงยุคโซเวียต กองทหาร และแรงงานข้ามชาติของรัสเซีย ได้ใช้โบสถ์แห่งนี้ทำหน้าที่เป็นบ้านศูนย์วัฒนธรรม ภายหลังจึงได้มีการคืนสู่ชุมชนออร์โธดอกซ์ ในปีพ.ศ. 2535 หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต และการโยกย้ายถิ่นฐานของชาวรัสเซียและชาวสลาฟ ทำให้มหาวิหารแห่งนี้ทำหน้าที่ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์รวมจิตใจ แต่ยังเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมของชาวรัสเซียในเมือง Osh แต่ยังมีการใช้วิหารเพื่อสวดมนต์และบริการรวมทั้งจัดประชุมและทำกิจกรรมกับชุมชนเล็ก ๆ แห่งนี้ด้วยได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางสู่สนามบิน21.10 น. เหิรฟ้าสู่เมืองบิชเคก โดยสายการบิน AIR MANAS เที่ยวบินที่ ZM – 19622.00 น. ถึงเมืองบิชเคก จากนั้นนำท่านรับประทานอาหารค่ำนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม HYATT REGENCY HOTEL -5* หรือเทียบเท่า - - 14
-
Day 1515) วันที่สิบห้าของการเดินทาง บิชเคก (Bishkek) - ทะเลสาบน้ำเค็ม ISSYK -KUL (B,L,D)
- เช้า รับประทานอาหารเช้าออกเดินทางสู่ Cholpon Ata เพื่อชมทะเลสาบน้ำเค็ม Issyk-Kul เป็นทะเลสาบที่อยู่บนเขาที่เทียนซาน ทะเลสาบที่อยู่บนเขาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ทะเลสาบแห่งรายล้อมไปด้วยภูเขาสูงใหญ่และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม แม้ว่าจะแวดล้อมไปด้วยยอดเขาหิมะปกคลุม แต่ทะเลสาบแห่งนี้ ไม่เคยจับตัวเป็นน้ำแข็งเลย จึงได้ชื่อว่า อิสซิค คุล แปลว่า ทะเลร้อนกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันบ่าย นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้าน Don-Aryk เ พื่อชมการแสดง กีฬาขี่ม้าเอเชียกลางแบบดั้งเดิม (Ulak Tyrtysh หรือ Buzkashi) แต่เป็นกีฬาที่นิยมกันในกลุ่มชาวเตอร์กเร่ร่อน เริ่มมาตั้งแต่งในระหว่างศต วรรษที่ 10 และ 15 ต่อมาในช่วงการปกครองระบบตะลิบาน เกม Buzkashi จึงถือว่าเป็นเกมที่ผิดศีลธรรมและห้ามมีการเล่นกีฬาประเภทนี้อีก แต่หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองกีฬานี้ก็กลับมานิยทอีกครั้งได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางกลับบิชเคกค่ำ รับประทานอาหารค่ำ พักโรงแรม HYATT REGENCY HOTEL -5* หรือเทียบเท่า - - 15
-
Day 1616) วันที่สิบหกของการเดินทาง บิชเคก (Bishkek) - อัลมาตี (Almaty - ประเทศคาซัคสถาน) (B,L,D)
- เช้า รับประทานอาหารเช้านำท่านสำรวจเมืองบิชเคก เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางการปกครองของประเทศคีร์กีซสถาน ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาเทียนชาน และหุบเขาชุย (Chuy Valley) มีแม่น้ำชุยไหลผ่าน บิชเคกยังอยู่ในเส้นทางรถไฟสายเตอร์กีสถาน -ไซบีเรีย บิชเคกก่อตั้งยุคข่านอุซเบกที่เคยปกครองบริเวณนี้ โดยสร้างเป็นป้อมปราการดิน เพื่อเป็นจุดพักระหว่างการค้าบนเส้นทางแพรไหม ในยุคที่ถูกปกครองโดยโซเวียตถูกเรียกขานชื่อเมืองเป็น ฟุนเซ (Frunze) (ค.ศ.1962) ต่อมาเมื่อโซเวียตล่มสลาย ก็ได้กลับมาใช้ชื่อ บิชเคกเหมือนเดิมท่านจะได้สูดโอโซนใจกลางเมืองที่สวนสาธารณะแพนฟิลอฟ (Panfilov Park) สัมผัสบรรยากาศรื่นรมย์ ชมรูปปั้นสวยงามตามจุดต่างๆชมจตุรัสกลางอะลาตู้ (Ala – too Square) ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เป็นเมืองหนึ่งในเส้นทางสายไหม โดยมีรูปปั้น Erkindik ที่แปลว่า อิสรภาพ ตั้งอยู่ตรงกลางจตุรัส ซึ่งถูกนำมาวางไว้ในปี ค.ศ 2003 แทนที่รูปปั้นของเลนิน ชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ (State History Museum) เป็นสถานที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชาวคีรืกิซรวมถึงชนเผ่าเร่ร่อน มีการจัดแสดงผลงานรูปปั้นและภาพฝาผนังเป็นเรื่องราวการปกครองแบบคอมมิวนิสต์เมื่อครั้งที่เลนินปกครองในยุคโซเวียตชมอาคารรัฐสภา Philarmonic Hall, จัตตุรัสแห่งชัยชนะ ต่อกันที่ Manas Monument อนุสรณ์สถานของท่าน Manas บุคคลผู้ยิ่งใหญ่ของประเทศ และ Monument of Independence และปิดท้ายวันที่ตลาด Osh Bazarกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันบ่าย นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอัลมาตี เมืองหลวงเก่าของประเทศคาซัคสถาน ระยะทางประมาณ 250 กม.สาธารณรัฐคาซัคสถาน เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ครอบคลุมกว้างขวางในทวีปเอเชีย พื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 9 ของโลก อย่างไรก็ดี มีพื้นที่กึ่งทะเลทราย (steppe) อยู่มาก เป็นสาธารณรัฐในอดีตสหภาพโซเวียต ซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศรัสเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศในเอเชียกลาง ได้แก่ คีร์กีซถาน อุซเบกิสถาน และเติร์กเมนิสถานและมีชายฝั่งบนทะเลแคสเปียนถึงอัลมาตี เมืองอัลมาตีอยู่ค่อนมาทางตอนใต้ของคาซัคสถาน และไม่ได้ติดกับทุ่งหญ้าสเต็ปป์ สภาพอากาศ จึงไม่หนาวเย็นนัก เป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศคาซัคสถาน สถาปนาขึ้นในปี พ.ศ. 2497 เดิมชื่อว่า เมืองเวอร์นี่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ โดยถูกขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งแอปเปิ้ล (The city of Apple) ชื่อของเมืองมาจากภาษารัสเซีย คือ Alma-Ata แปลว่า บิดาแห่งแอปเปิ้ล (The father of apple tree) โดยระหว่างปี 2461 - 2534 ประเทศคาซัคสถานเป็นอาณานิคมของอดีตสหภาพโซเวียตมาก่อน ทุกวันนี้ แอปเปิ้ลยังเป็นสัญลักษณ์และความภูมิใจของชาวเมืองอัลมาตี สัมผัสบรรยากาศของกรุงอัลมาตีนำท่านเดินทาง สู่จุดที่สูงที่สุดในเมืองอัลมาตี ค๊อกโตเบ (Kok-Tobe) นำท่านขึ้นสู่ยอดเขา ด้วยเคเบิ้ลคาร์ (ระดับความสูงอยู่ที่ 1,130 เมตร จากระดับน้ำทะเล) ท่านสามารถมองเห็นเมืองอัลมาตีได้จากมุมสูงซึ่งสวยงามมากในยามค่ำคืนและเป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจของชาวอัลมาตีและที่สำคัญที่สุดเป็นที่ตั้งของเสาส่งสัญญาณทีวีของประเทศคาซัคสถานซึ่งสูงถึง 350 เมตร จากนั้นอิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งที่ ถนนอารบัท (Arbat) เป็นแหล่งที่รวมสินค้าหลากหลายชนิด และงานภาพวาดศิลปะ ในราคาถูกค่ำ รับประทานอาหารค่ำพักผ่อนที่โรงแรม INTERCONTINENTAL ALMATY- 5* หรือเทียบเท่า - - 16
-
Day 1717) วันที่สิบเจ็ดของการเดินทาง อัลมาตี (Almaty) - แอสตาน่า (Astana - City of Future) (B,L,D)
- เช้า รับประทานอาหารเช้าชมจตุรัสสาธารณะ (Republic Square) เป็นสวนสาธารณะสำคัญที่เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์อิสระภาพ (Monument of Independence) นำท่านเดินทางออกไปนอกเมืองอัลมาตีเพื่อนำท่านขึ้นเคเบิ้ลคาร์สู่บนเขาชิมบูลัคที่ความสูง 2,300 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เคเบิ้ลคาร์ที่ยาว 4 กิโลเมตร ยาวเป็นอันดับสามของโลก เบื้องล่างท่านจะเห็นลานสเก็ตน้ำแข็งมีดิโอ (Medeo Skating Ring) ตั้งอยู่ส่วนบนหุบเขาชิมบูลัค (Chymbulak) เป็นลานสเก็ตที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดของประเทศคาซัคสถาน อยู่บนระดับความสูงถึง 1,691 เมตร ซึ่งสูงที่สุดในโลกและชมพิพิธภัณฑ์ Central Historical Museum พิพิธภัณฑ์ที่แสดงความเป็นมาของชาวคาซัคสถาน แสดงภาพและประวัติศาสตร์ การพัฒนาของชนชาติคาซัคในอดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งแสดงประวัติ โบราณวัตถุสำคัญทั้งของแท้และแบบจำลอง และสวนสาธารณะแพนฟิลอฟ (Panfilovtzev Park) สร้างขึ้นเพื่อแสดงความรำลึกถึงวีรบุรุษชาวคาซัคที่ช่วยโซเวียต รบกับนาซีในสงครามโลกครั้งที่สองชม โบถส์คริสต์เซนต์คอฟ (Zenkov Cathedral) ซึ่งรอดพ้นจากความเสียหายจากแผ่นดินไหวในปี คศ.1911 อย่างน่าอัศจรรย์เป็นโบสถ์ไม้ที่ไม่ใช้ตะปูในการสร้างเลย นับเป็น1ใน 8 สถาปัตยกรรมซึ่งสร้างด้วยไม้ที่พิเศษที่สุดในโลก ซึ่งตั้งอยู่ในสวนแพนฟิลอฟด้วย และกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันจากนั้นชมตลาดกรีนมาร์เก็ต (Green Bazaar) ซึ่งมีทั้งสินค้าอุปโภค และบริโภค ทั้งเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย, ไข่ปลาคาร์เวียร์ และของที่ระลึก, ของสด, ของแห้ง อาทิ ถั่วชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พิตาชิโอ อัลมอนด์ ผลไม้แห้ง ต่างๆมากมาย ซึ่งราคาถูกมากเมื่อเทียบกับเมืองไทย16.00 นำท่านเดินทางสู่สนามบิน18.50 เดินทางสู่เมืองแห่งอนาคต แอสตาน่า โดยสายการบินแอร์แอสตาน่า เที่ยวบินที่ KC991 (18.50-20.30) ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 45 นาที20.30 เดินทางถึงเมืองแอสตาน่าค่ำ รับประทานอาหารค่ำ และพักผ่อนที่ MARIOTT ASTANA HOTEL -5* หรือเทียบเท่า - - 17
-
Day 1818) วันที่สิบแปดของการเดินทาง แอสตาน่า – อัลมาตี (B,L)
- เช้า รับประทานอาหารเช้านำชมเมืองแอสตาน่า (Astana) ภาษาคาซัคแปลว่า "เมืองหลวง" ปี ค.ศ. 1961 แอสตาน่า เดิมเป็นเมืองเล็กที่ทางการโซเวียตใช้เป็นศูนย์กลางในการขยายและพัฒนาเมืองในดินแดนใหม่ของคาซัคสถานตอนเหนือและเขตไซบีเรีย ต่อมาประธานาธิบดีนาซาร์บาเยฟต้องการย้ายเมืองหลวงมาไว้ใจกลางประเทศ แทนเมืองอัลมาตี้ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2541 (ค.ศ. 1998) หรือ เมื่อ 16 ปีที่แล้ว โดยสร้างที่ทำการรัฐบาล กระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ทำเนียบประธานาธิบดี หอประชุม โรงละคร เมืองที่มีความทันสมัย จนได้ฉายาว่า เมืองแห่งอนาคต (City of Future)นำท่านชม หอคอยไบเทเร็ก (Bayterek Tower) สร้างขึ้นจากตำนาน ในเทพนิยายของคาซัค ซึ่งในตำนานคือต้นไม้แห่งชีวิต และไข่ทองคำ (ที่บรรจุไปด้วยความลับ ความปรารถนา และความสุขของมนุษย์) ปัจจุบันเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเมือง มีความสูง 97 เมตร นำท่านขึ้นชมทิวทัศน์รอบด้านชม พระราชวังแห่งสันติภาพ (Palace of Peace and Accord) ซึ่งออกแบบโดย Sir Norman Foster เป็นรูปปิรามิดสมมาตร สูง 62 เมตร สร้างขึ้นตามแนวคิดของท่านประธานาธิบดี เพื่อเป็นศูนย์กลางของทุกศาสนาของโลกให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ และลดความขัดแย้ง พระราชวังแห่งสันติภาพใช้เป็นสถานที่จัดประชุมสมัชชาของทุกศาสนาทุก 3 ปี ด้านบนสุดเป็นห้องกระจก ลวดลายนกพิราบโฉบบินกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันบ่าย นำท่านชม พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (National Museum of Kazakstan) มีการเก็บรวบรวมและจัดแสดงโบราณคดี ของคาซัคสถาน มีแบบจำลองของมนุษย์ทองคำ ชุดนักรบเก่าแก่ตั้งแต่ 500 ปีก่อนคริสตกาล หรือร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้า ตัวชุดทำด้วยทองคำกว่า 4,000 ชิ้น พร้อมหมวกทรงสูง 70 เซนติเมตร ปลายหมวากด้านบนสุดจะเป็นลูกธนูชี้ขึ้นฟ้า และมีรูปเสือดำหิมะติดปีก มีมนุษย์ทองคำแท้ ซึ่งถูกค้นพบในสุสานใกล้เมืองอัลมาตี้ เมื่อปี ค.ศ. 1969 ซึ่งไม่สามารถทราบได้ว่ามนุษย์ทองเป็นเผ่าพันธุ์ใหน แต่ชาวคาซัคมีความภูมิใจมากและยกย่องให้ เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศคาซัคสถานนำท่านชม มัสยิดประจำเมืองแอสตาน่า Hazret Sultan สร้างเสร็จเดือน กรกฎาคม 2012 สามารถจุคนได้ถึง 10,000 คน สร้างบนเนื้อที่กว่า 17,700 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นมัสยิดที่ขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียกลางได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบิน21.30 น. ออกเดินทางสู่เมืองอัลมาตี โดยสายการบินแอร์แอสตาน่า เที่ยวบินที่ KC 99223.10 น. ถึงสนามบินอัลมาตี
-
Day 1919) วันที่สิบเก้าของการเดินทาง อัลมาตี - กรุงเทพฯ
- 01.05 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินแอร์แอสตาน่า เที่ยวบินที่ KC 93108.55 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ